ช่วงนี้น้อง ๆ มหาลัยหลาย ๆ คนก็คงกำลังเตรียมตัวไปเรียนซัมเมอร์ หรืออาจจะไปทำงานหาประสบการณ์อย่าง W&T ผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่เลือกไปทำงานหาประสบการณ์ก่อนจะเริ่มเผชิญกับชีวิตจริงเช่นกัน เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ไปอยู่ไกลบ้านนานขนาดนี้

หลังจากที่เรียนจบปีสุดท้าย (ตอนนี้แก่แล้วอิอิ) ก็ได้มีโอกาสไปโครงการ W&T ตอนนั้นภาษาอังกฤษยังอ่อนแอ เราจึงเลือกสมัครงานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ณ รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา แทนที่จะไปทำงานตามร้านอาหาร ยืนขายของ หรือทำงานไลฟ์การ์ดอย่างคนอื่นเขา นี่ไปเป็น Housekeeping หรือ พนักงานทำความสะอาดจ้า (ไม่เท่เลยใช่มะ) ตอนนั้นรู้เลยว่าการไปเวิร์คนั้นก็เหมือนไปเป็น “แรงงานต่างด้าว” ในบ้านเค้าดี ๆ นั่นเอง

วันแรกของการไปถึงทุกอย่างดูน่าตื่นตาตื่นใจ ก็แหมต้องมาเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเพื่อนใหม่ ภาษาใหม่ ทุกอย่างใหม่หมดอ่ะ ตอนแรกนึกว่าจะได้มาเจอฝรั่งตาน้ำข้าว แทบจะไม่เจอเลย ที่นี่คนผิวสีเยอะมาก แต่พวกเค้าก็ดูใจดีเป็นมิตรนะ เราก็ไม่ได้ทำตัวกร่างอะไรด้วยมั้ง ก็นอบน้อมไว้ก่อน

วันแรกที่มาถึง โบกแท็กซี่จากสนามบินไปที่พัก

เดินสำรวจเส้นทาง ดูสายรถบัส และหาเน็ตฟรีใช้ชั่วคราวข้างทาง

อาหารมื้อแรกเมื่อมาถึง

การมาครั้งนี้เราอยู่กับเพื่อนคนไทยรวมเราด้วยทั้งหมด 5 คน (ไม่ได้มาพร้อมกัน) ก็มีขลุกขลักบ้าง เพราะเราเปลี่ยนที่พักตั้ง 3 ที่

ที่พักแรก

ที่แรกที่เราอยู่คล้าย ๆ เซฟเฮ้าท์ ไกลที่ทำงานมาก จะไปไหนมาไหนที่ไม่สะดวกเอาซะเลย เราเลยประชุมกันว่าจะเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ ก็ย้ายไปที่ที่ 2 ที่เป็นโรงแรม ที่โรงแรมก็โอเคเลยนะ ดูหรูหราขึ้นมาหน่อย มียิมให้เล่น อยู่ใกล้กว่าเดิม แต่ข้อเสียคือ การเดินทางไปทำงานพวกเราต้องเดินขึ้นทางด่วน

แถมด้วยการปีนข้ามรั้วด้วยนะเพราะประตูทางเข้ามันไกลเกินไป 555

การเดินทางจากที่พัก2

ทีนี้มีเพื่อนที่ทำงานคนนึงเป็นคนจีนเขามีบ้านใกล้ที่ทำงาน และเขากำลังจะลาออกจากงาน ด้วยความที่คนจีนคนนี้เคยมาอยู่เมืองไทย และได้รับความช่วยเหลือจากคนไทยมาก่อนก็เลย อยากจะช่วยเหลือพวกเราให้มาอยู่ที่บ้านเช่าของเขา (ที่เป็นหมู่บ้าน) และให้ค่าเช่าที่ถูกลงมาก ๆ ก็เลยตกลงกันว่าจะไปพักที่นี่แทน อ่ะ ๆ เราเลยย้ายบ้านกันอีกรอบจ้าาาา

ที่พักสุดท้าย

ที่พักนี้เป็นที่พักสุดท้ายและ มาอยู่กับคนจีนก็เลยได้รู้นิสัยของคนจีนไปด้วยในตัว ช่วงเราไปอยู่แรก ๆ ครอบครัวคนจีนยังอยู่ด้วย ค่อนข้างเข้มงวดและมัธยัสถ์หน่อย ๆ คนจีนไม่ชอบกดชักโครก คือเค้าอาจจะประหยัดน้ำก็ได้มั้งนะ แล้วก็จะมีเรียกคุยว่าคนนี้กลับบ้านดึกนะ คนนี้เสียงดัง แต่อย่างน้อยการอยู่ที่นี่ก็มีข้อดีนะ อย่างน้อยเราก็นอนหลับสบาย มีหลายห้องนอน เราออกมาวิ่งออกกำลังกายรอบหมู่บ้านได้บ่อยเลยล่ะ ได้โบกมือทักทายเพื่อนบ้าน บางครั้งคนจีนคนนี้ก็มาชวนคุยเรื่องละครไทย เห็นเราสิวขึ้นก็ให้เครื่องดื่มชงสมุนไพรมาลองดื่ม การอยู่ที่นี่ก็สุขสบายเหมือนอยู่ที่บ้านเหมือนกัน 🙂

นอกจากเรื่องที่พักแล้ว ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คงจะเป็นเรื่องงาน อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าเราทำงานเป็น Housekeeping (ขอเรียกแบบนี้เพราะมันไพเราะกว่า) ทีโรงแรม Hilton Garden Inn หน้าที่หลัก ๆ ของเราก็ต้องเคาะประตูห้องแขกแล้วพูดว่า Housekeeping จากนั้นก็เข้าไปทำความสะอาดห้อง ปูเตียง ดูดฝุ่น ล้างห้องน้ำ ใส่ปลอกหมอน เช็ดเฟอร์นิเจอร์ ก็ถือว่างานหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่ก็คุ้มตรงที่บางทีแขกจะทิ้งทิปไว้ให้ บางครั้งก็ไม่เก็บน้ำดื่มและขนมกลับ ณ ตอนนั้นด้วยความที่ประหยัดด้วย ก็เก็บกลับที่พักเลยจ้า บางครั้งคุณป้าคนทำครัวก็จะเก็บอาหารไว้ให้พวกเรา เป็นชีวิตที่สอนให้เราอดออมขึ้นมาก ๆ

โรงแรม Hilton Garden Inn

การทำงานที่นี่เราอยากจะบอกว่าเรากับเพื่อนของเราคนนึงก็เคยถูกไล่ออกด้วย!!!! เนื่องจาก เรา 2 คนทำงานเป็นบัดดี้กัน และตอนนั้นเปิดทีวีทำงาน รวมถึงเพื่อนเราคุยโทรศัพท์กับแฟน !!! แล้วบอสมาเห็นพอดี ตอนแรกนึกว่าจะตกงานซะแล้ว ตอนหลังเพื่อนร่วมงานของเราที่เป็นซุปเปอร์ไวเซอร์คนฟิลิปปินส์ก็ไปช่วยคุยให้ ได้ทำงานที่โรงแรม Hampton Inn ที่อยู่ข้าง ๆ กันอยู่ในเครือเดียวกัน (ช่วงที่ทำงานแรก ๆ เราได้เคยมาเรียนรู้งานที่โรงแรมนี้) เห้อออออ โล่งอก!!!

ปล. ตอนกลับเรากับเพื่อนอีกคนได้ไปขอโทษบอสเค้าแล้วเด้อ ก็จากกันด้วยดี

งานเลี้ยงของโรงแรม ผู้ชายคนที่ยืนตักอาหารคือหัวหน้า

หลังจากทำงานมาได้สักระยะนึง เราก็ตัดสินใจหางานที่ 2 เพิ่ม (คือเหนื่อยไม่พอ อยากเก็บเงินคืนทุน) เราเดินหางานตามร้านอาหารในละแวกนั้นทั้งหมด แล้วก็พบว่ามันยากลำบากมาก ที่ไหนเค้าจะรับ จะมาแค่แปปเดียวเดี๋ยวก็ต้องกลับไทยแล้ว จนในที่สุดเราตัดสินใจเดินเข้าร้านอาหารไทยที่ตั้งอยู่ด้านหลังโรงแรม เราขอเรียกว่าป๋ากับแม่นะ คือท่านใจดีมาก เป็นครอบครัวคนไทยที่มาเปิดร้านอาหารที่นี่ เข้าไปครั้งแรก ท่านปฎิเสธไม่รับเราเข้าทำงานนะ เพราะพนักงานมากเพียงพอแล้ว แต่ป๋ากับแม่ก็ยังบอกนะว่าให้แวะเข้ามาเล่นกับเด็ก ๆ (หลานของป๋าและแม่) หรือแวะมาทานข้าวได้ เราก็เลยแวะเข้าไปอีก 2-3 ครั้ง แวะเข้าไปเล่นกับน้อง ๆ ไปนั่งคุย ช่วยหั่นผัก สุดท้ายป๋ากับแม่ก็ยอมให้เราทำงานด้วย ตอนนั้นแบบดีใจมากกกกก แต่คือเราต้องสลับมาทำกับเพื่อนอีกคนนะ สรุปเราก็เลยได้ทำงานที่นี่วันเว้นวัน เย่ๆๆๆๆๆๆ ^^

ร้านอาหาร Tida Thai Cuisine ที่เราทำเป็นงานที่ 2 ในขณะนั้น

งานที่ทำก็มีช่วยล้างจาน กวาดพื้น ยกแก้วน้ำเป็นลัง ๆ เอาจานไปเก็บเข้าที่ เวลาที่ทำเสร็จเร็ว ก็ช่วยนำกับข้าวใส่ถุงบ้าง ห่อเกี๊ยว หั่นผัก กวาดพื้น เนื่องจากตอนนั้นภาษาไม่ดี และการทำหน้าร้านต้องใช้เวลาฝึกพอสมควรเรามาทำเพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น แต่ก็นับว่าได้รับความรู้จากการใช้เครื่องล้างจาน ระบบการจัดการงานไปด้วยนะ รวมถึงแม่ชมว่าเราหน่วยก้านดี ทำงานคล่องทำงานไวด้วยล่ะ อิอิ

ที่หลังร้านมักมีห่านเดินมากินข้าวที่ป๋ามักเหลือไว้ให้พวกมันเสมอ เวลาส่งเสียง กุ๊ก ๆ ๆ ๆ มันจะรีบเดินออกมา 🙂

ตอนก่อนทำงานนั้นป๋ามักจะทำข้าวให้กินก่อนเริ่มงานเสมอ (อาหารอร่อยมาก) แถมหลังจากเลิกงานป๋ากับแม่มักให้ตักข้าวและกับข้าวเก็บไว้กินในมื้ออื่น ๆ ด้วย บางครั้งทำงานอยู่ก็ให้ไอศกรีมพวกเราเอาไว้กิน รู้สึกเกรงใจแต่ก็อบอุ่นมาก ๆ อ่ะ (ขอพื้นที่โปรโมตนิดนึง ชื่อร้าน Tida Thai Cuisine เมือง Newport News นะทุกคนไปเที่ยวที่นิวพอร์ตนิวส์เมื่อไหร่แวะไปทานกันด้วยนะ)

อาหารส่วนหนึ่งที่เราได้รับประทานที่ร้าน อร่อยมากกกกกก

แต่ถึงจะดูงานหนักขนาดนี้เราก็ไม่ได้ทำงานอย่างเดียวเด้อ เราก็มีเวลาไปวิ่งออกกำลังกาย (บางทีก็ไปยิม ออกไปวิ่งรอบหมู่บ้านตอนเช้า หรือบางทีก็ออกไปวิ่งที่ศูนย์การค้าตอนเที่ยงคืน!!!) เราได้วางแผนไปเที่ยวหลายที่ที่นอกจากห้างด้วยนะ อย่างเช่น ไปเที่ยวต่างเมือง ไปสวนสัตว์ สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ ทุกครั้งที่ Day off และได้เดินทางไปที่ยูนิเวอร์เซิล ที่ออรันโด้ (ช่วงนั้นต้องเน้นนอนสนามบินประหยัดงบ มีตกเครื่องด้วย ปาดเหงื่อแพพ) และหลังจากเดินทางกลับก็ได้แวะ stop เครื่อง เที่ยวญี่ปุ่นต่อด้วย (กระเป๋าที่เดินทางแบบ carry on หายจ้าาาา ซวยมากเด้อ ไม่ได้คืนนะ แต่ทางสายการบินก็รับผิดชอบ) ซึ่งก็ใช้เงินจากการทำงานนี่แหละเที่ยวววว แถมยังมีเงินเหลือกลับมาคืนแม่ได้ครึ่งนึงที่แม่ออกเงินให้เรามาหาประสบการณ์ในครั้งนี้อีกด้วย

สุดท้ายนี้การกลับมาจากเวิร์คทำให้เราคนที่เคยไม่มั่นใจในตัวเองกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง และทำให้เราตัดสินใจเริ่มต้นทำบางสิ่งอีกครั้ง รวมถึงกลับมาพัฒนาภาษาอังกฤษ และภาษาที่ 3 ของเรา ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกได้อีก

หวังว่าประสบการณ์ของเราจะเป็นประโยชน์ให้ใครก็ตามที่หลงมาอ่านนะ ไม่มากก็น้อย ชีวิตเรามันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปซะหมด แต่อยู่ที่ว่าเราจะมองมุมไหนเนอะๆ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *