แม้ว่าในปีที่ผ่านมาหลาย ๆ คนจะเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบากและปัญหาในชีวิตมากมาย แต่เมื่อขึ้นปีใหม่เราทุกคนต่างก็คาดหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อขึ้นปีใหม่ทำให้เราได้ตรึกตรองถึงปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าหมายถึงสิ่งที่คุณต้องการในปีถัดไป ไม่ว่าคุณตั้งใจที่จะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง หรือใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาได้ว่าคุณสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อโอกาสในการทำเป้าหมายที่ปณิธานไว้ในวันปีใหม่ให้สำเร็จ

ซึ่งความตั้งใจที่จะบรรลุปณิธานที่ตั้งไว้ในวันปีใหม่ไม่ได้แปลว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป ในปี 2007 University of Bristol ได้ทำการศึกษาค้นคว้าถึงความสำเร็จในการตั้งปณิธานวันปีใหม่ พบว่า 88% ของผู้เข้าร่วมที่เกี่ยวข้องกับการศึกษานี้ล้มเหลวในการบรรลุปณิธานปีใหม่ โดย 52% ของผู้เข้าร่วมในการศึกษามั่นใจว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จ และอีก 12% นั้นไม่มั่นใจที่จะทำตามปณิธานของตนเอง หากต้องการทำตามปณิธานที่ตั้งเองไว้ให้สำเร็จ ต้องหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่คอยขัดขวางคุณดังทั้ง 4 ข้อด้านล่างนี้

1.อย่าตั้งปณิธานเยอะเกินไป

การมีเป้าหมายในแต่ละปีเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าคุณมีปณิธานที่ตั้งไว้ในวันปีใหม่เยอะเกินไป การโฟกัสเป้าหมายอาจทำได้ไม่เต็มที่ และนำไปสู่ความผิดหวังได้ เพราะเราต้องใช้ความพยายามอย่างมากกับเป้าหมายที่ต่างกันออกไป และท้ายที่สุดก็พบว่าเป้าหมายต่าง ๆ นั้นคืบหน้าเพียงเล็กน้อย

2.ลืมปณิธานเดิมของคุณ

คุณเคยตัดสินใจเกี่ยวกับการตั้งปณิธานวันปีใหม่เพียงเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นปณิธานเดียวกันกับของปีที่แล้วหรือไม่? หากคุณลืมไปว่าต้องไปที่ไหนก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้องไปที่นั่น ในขณะที่ Tony Robbins ได้กล่าวไว้ว่า “การตั้งเป้าหมายคือขั้นตอนแรกในการเปลี่ยนสิ่งที่มองไม่เห็นให้กลายเป็นสิ่งที่มองเห็นได้” การลืมปณิธานของคุณจะพาคุณกลับไปที่จุดเริ่มต้นของปณิธาน คุณมีแนวโน้มที่จะบรรลุปณิธานของคุณมากขึ้นถ้าคุณจำได้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร ด้วยวิธีนี้คุณจะตัดสินใจโดยคำนึงถึงปณิธาณของคุณ เขียนรายละเอียดของปณิธานลงไปในที่ที่คุณจะเห็นมันได้บ่อย ๆ อาจจะแปะไว้ในห้องนอน ประตูห้องน้ำ โต๊ะทำงาน หรือพวงมาลัยรถ ลองเขียนความตั้งใจของคุณในทุก ๆ วัน เพื่อป้องกันไม่ให้คุณลืมปณิธานของตัวเอง และทำตามปณิธานนั้นได้สำเร็จ

3.ไม่ยอมติดตามความคืบหน้า

วัดความก้าวหน้าของคุณและดูให้แน่ชัดว่าคุณมาได้ไกลแค่ไหน สามารถลดความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้นจากความรู้สึกขาดความก้าวหน้าได้ ดังนั้นการวัดความก้าวหน้าของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะช่วยให้คุณแบ่งเป้าหมายใหญ่ ๆ ออกเป็นส่วนที่สามารถทำให้สำเร็จได้ ในการแบ่งปณิธานของคุณนั้น คุณต้องกำหนดขั้นของความสำเร็จที่คุณสามารถใช้เพื่อประเมินความคืบหน้าของคุณก่อน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณไม่ได้ออกกำลังกาย แต่คุณต้องการวิ่งมาราธอนในปี 2021 คุณอาจจะแบ่งเป้าหมายออกเป็นสิ่งที่ต้องทำหลาย ๆ อย่าง เช่น วิ่งอย่างต่อเนื่อง 1 กิโลเมตร, วิ่งอย่างต่อเนื่อง 5 กิโลเมตร, วิ่งฮาล์ฟมาราธอน, วิ่งอย่างต่อเนื่อง 30 กิโลเมตร, และในที่สุดก็วิ่งมาราธอน จะเห็นได้ว่าการติดตามผลเช่นนี้จะง่ายขึ้นมาก เมื่อคุณได้เจาะจงสิ่งที่ต้องทำที่นำไปสู่เป้าหมายครั้งต่อไป

4.อย่าตั้งปณิธานที่ไม่สมจริง และไม่เจาะจง

อาจเป็นเรื่องยากที่จะมีปณิธานในวันปีใหม่ที่เป็นความปรารถนาจริง ๆ อย่างเช่น การเป็นเจ้าของเกาะ, เป็นแชมป์ NBA, หรือการมีพลังวิเศษ แต่เมื่อพูดถึงการตั้งปณิธานในบางครั้งสิ่งเหล่าต่าง ๆ ก็อาจเลือนลางได้ ปณิธานเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการพยายามทำบางสิ่งที่คุณไม่เคยทำมาก่อน แต่ถ้าเป็นเป้าหมายหรือปณิธานที่ไม่สมจริงล่ะ?

หากคุณกำลังพยายามสร้างปณิธานที่เจาะจงและเป็นไปได้อยู่ลองให้หลักการ SMART goals ช่วยแก้ปัญหานี้ดู แล้ว SMART goals คืออะไร?

การตั้งปณิธานแบบหลัก SMART คือ

S  –  Specific  ::  เจาะจงลงไปว่าคุณพยายามทำอะไรให้สำเร็จ กำหนดว่าผลลัพธ์สุดท้ายของคุณควรมีลักษณะอย่างไร เขียนให้ละเอียด

M  –  Measurable :: ควรติดตามและวัดผลความสำเร็จได้ อะไรคือเหตุการณ์สำคัญระหว่างทาง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์และตัวเลข

A  –  Achievable  :: เป้าหมายของคุณเป็นไปได้จริง สามารถบรรลุเป้าหมายโดยไม่เป็นภาระผูกพันหรือกระทบคนอื่นใช่หรือไม่

R  –  Relevant  :: เป้าหมายนี้เป็นผลดีต่อตัวเอง ตรงกับรูปแบบธุรกิจของคุณ

T  –  Time-bound  :: คุณวางแผนที่จะบรรลุเป้าหมายเมื่อไหร่ ให้เวลาที่เพียงพอกับมัน เพราะไม่มีอะไรสร้างแรงจูงใจมากไปกว่าการมีเป้าหมายที่ชัดเจน

การสร้างและบันทึกเป้าหมายตามหลัก SMART จะช่วยให้คุณมีโอกาสบรรลุปณิธานทั้งในเรื่องส่วนตัวและในอาชีพการงานของคุณมากยิ่งขึ้น

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนทำตามปณิธานของตัวเองกันได้สำเร็จนะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *