เวลาเข้า Netflix ทีไรก็มักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเลือกหนัง และจบลงที่กดปิดแอปฯ เนื่องจากเลือกไม่ถูกไม่รู้ว่าจะดูอะไรดี ที่จริงแล้วมีหนังและซีรีส์จาก Netflix Original หลายเรื่องมากที่น่าดู ในครั้งนี้เราจึงเลือกมาเพียง 5 เรื่องมาแนะนำให้คนที่กำลังหาหนังดูเอาไว้ดูยามว่างกัน
1. Snowpiercer
หลักจากที่เราได้เคยแนะนำเรื่อง Snowpiercer เวอร์ชันหนังที่กำกับโดยบงจุนโฮไป ซึ่งในฉบับซีรีส์นี้ได้โปรดิวเซอร์ที่เคยสร้างชื่อไว้ในหนังเรื่อง Teen Wolf และ Prison Break และยังได้บงจุนโฮมาร่วมงานในตำแหน่ง excutive producer โดยในฉบับซีรีส์ได้นำโครงเรื่องหลัก ๆ มาเล่าและได้เพิ่มเติมรายละเอียด รวมถึงเส้นเรื่องใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มเติมได้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ในยุคที่โลกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง มีเพียงรถไฟขบวนเดียวที่สามารถวิ่งไปได้ทั่วโลกไม่มีวันหยุด ผู้ที่มีเงินซื้อตั๋วก็ได้อยู่รถไฟหัวขบวน ส่วนคนที่ไม่มีเงินซื้อตั๋วก็ต้องอาศัยอยู่ท้ายขบวน อยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ และโดนกดขี่เป็นแรงงานทาส ทำให้คนท้ายขบวนต้องลุกขึ้นมาปฎิวัติ เพื่อหวังให้ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นหมดไป ต้องการความเป็นประชาธิปไตย ที่ทำให้ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน
2. #Alive
หลังจากที่แฟน ๆ หนังซอมบี้รอคอยมานาน ในที่สุด #Alive ก็เข้าฉายใน Netflix แล้ว โดยได้นักแสดงนำอย่างยูอาอิน และพัคชินฮเย มารับบทผู้ที่ต้องเอาชีวิตรอดจากฝูงซอมบี้ หากจำกันได้เคยมีการสร้างหนังซอมบี้ของเกาหลีอย่าง Train to Busan และ Kingdom กันมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ #Alive มีความน่าสนใจตรงที่มีความใกล้เคียงกับยุคปัจจุบันโดยการใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันมาเป็นตัวดำเนินเรื่อง เรื่องราวคร่าว ๆ มีอยู่ว่าโอจุนอู (รับบทโดย ยูอาอิน) หนุ่มติดเกมนั่งเล่นเกมอยู่ในห้อง ในขณะเดียวกันก็เกิดเหตุการณ์ปะหลาดคนที่ทำให้กลายเป็นซอมบี้ ทำให้เขาต้องติดอยู่ในห้องของตัวเองออกไปไหนก็ไม่ได้ ซึ่งโอจุนอูก็พบว่ามีผู้หญิงตึกตรงข้ามติดอยู่ในห้องของตัวเองเช่นกัน สถานการณ์บีบบังคับให้ทั้งสองคนหาทางเอาตัวรอดมากกว่ารออยู่ในห้องเฉย ๆ เมื่ออาหารเริ่มหมด สัญญาณโทรทัศน์และอินเตอร์เน็ตเริ่มถูกตัด ทำให้ทั้งสองต้องหาทางเอาชีวิตรอดทั้งจากฝูงซอมบี้และไม่ให้ตัวเองต้องอดตาย
3. First they killed my father
ผลงานการกำกับจากแอนเจลินา โจลี ที่เล่าเรื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ผ่านสายตาของ “หลวง (Loung)” นักสิทธิมนุษยชนชาวกัมพูชา ที่ในตอนนั้นเธออายุเพียง 5 ปี เธอได้ผ่านเรื่องราวทางการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อันแสนโหดร้ายของกัมพูชา จากกองกำลังเขมรแดงที่เข้าบุกยึดกรุงพนมเปญ และบังคับให้คนในเมืองอพยพออกนอกเมืองไปทำงานใช้แรงงานอย่างหนัก รวมถึงกวาดล้างข้าราชการ ปัญญาชน พ่อค้า พระสงฆ์ และคนที่เห็นต่าง ครอบครัวของหลวงก็เป็นหนึ่งในครอบครัวที่ต้องอพยพครั้งนั้น และเนื่องจากพ่อของหลวงเป็นข้าราชการจึงต้องกำชับลูก ๆ ไม่ให้บอกใครเพื่อไม่ให้ถูกพวกเขมรแดงฆ่า ทุกคนที่อพยพต้องทิ้งสิ่งของที่บ่งบอกถึงการมีฐานะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เสื้อผ้า ฯลฯ แล้วไปทำงานใช้แรงงานอย่างหนักที่ไม่เคยทำมาก่อน ต้องอยู่อย่างอดอยาก วันหนึ่งเมื่อพ่อของหลวงพ่อของหลวงถูกเรียกตัวไปจากไปอย่างไม่มีวันกลับทำให้แม่ของหลวงสั่งให้ลูก ๆ หลบหนีไปกันคนละทาง ทำให้หลวงได้ไปเจออีกแคมป์หนึ่ง หลวงได้เข้ารับการฝึกเป็นทหารเด็ก เมื่อเกิดเหตุการชุลมุนในแคมป์ทำให้หลวงได้ไปอยู่ในค่ายของผู้ลี้ภัยสภากาชาด และได้เจอกับพี่น้องที่เหลือของตน
4. Somebody feed Phil
รายการสารคดีเกี่ยวกับอาหารที่ดำเนินรายการโดย Phil Rosenthal ชายหนุ่มที่ชอบกินและเรียนรู้วัฒนธรรมจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ได้เริ่มต้นรายการด้วยการมาชิมอาหารที่ประเทศไทย และทักทายผู้คนที่เขาพบเจอ และจบวันลงด้วยการ Facetime หาพ่อแม่เพื่ออวดอาหารขึ้นชื่อในแต่ละประเทศที่เขาชื่นชอบ ตอนนี้มีถึง 3 ซีซั่นด้วยกัน
5.Hope Frozen : A Quest To Live Twice
เรื่องราวของสารคดีที่เกิดขึ้นจริงของครอบครัวคนไทยที่เป็นครอบครัวนักวิทยาศาสตร์ต้องการแช่แข็งร่างกายลูกสาวของเขาที่จากไปด้วยโรคมะเร็งสมองชนิดที่ร้ายแรงที่สุดในโลก โดยการใช้วิธีไครออนิกส์ (Cryonics) เพื่อรอคอยให้เทคโนโลยีในอนาคตก้าวหน้าพอที่จะทำให้ลูกสาวของเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธและมีความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ทำให้เมื่อในอดีตเรื่องราวนี้กลายเป็นข่าวที่โด่งดังมากในไทย นอกจากจะได้เข้าใจความรักของครอบครัวเนาวรัตน์พงษ์ที่มีต่อเด็กหญิงไอนส์แล้ว ยังได้รู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้าในปัจจุบันอีกด้วย
I like to stay at home, writing random stuff and watching series. I enjoy learning new things and exploring new ideas.