ตอนเด็ก ๆ แม่มักจะพาเราและพี่ ๆ ไปร้านหนังสือบ่อย ๆ เนื่องจากแม่ของข้าพเจ้าเป็นคนรักการอ่าน บางครั้งก็ได้นั่งอ่านที่ร้าน และแม่ก็มักจะให้พวกเราเลือกหนังสืออ่านนอกเวลาที่แต่ละคนสนใจกลับไปอ่านที่บ้านเสมอ เราก็เลยมีวรรณกรรมเยาวชน 20 เรื่องที่อยากแนะนำให้เด็กไทยได้ลองไปหาอ่านกันดู
1.หนังสือชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่
หนังสือชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ เป็นนวนิยายแปลที่เขียนขึ้นมาจากเรื่องจริง หนังสือชุดบ้านเล็กมีทั้งหมด 10 เล่ม นอกจากนี้ยังมีเล่มพิเศษอีก 2 เล่ม สมัยตอนแม่เราเด็ก ๆ หนังสือเล่มนี้ขาดตลาดเป็นอย่างมาก ต้องไปยืมห้องสมุดอ่าน ในปัจจุบันหนังสือเล่มนี้ก็มีวางจำหน่ายเป็นชุด ไม่ต้องตามเก็บทีละเล่มแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
โดยเรื่องนี้ผู้เขียนได้เขียนมาจากเรื่องจริงของตัวเองที่ได้ประสบพบเจอมา บรรยายถึงสภาพความเป็นอยู่ของชาวอเมริกันในยุคบุกเบิก ที่ต้องหาที่ดินทํากิน ซึ่งก็ได้เล่าชีวิตในครอบครัวอิงกัลส์ผ่านมุมมองของ ลอร่า อิงกัลส์ ลูกสาวคนที่สองของเด็กหญิงสี่พี่น้อง การบรรยายถึงความอดทนมุ่งมั่น ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสมัยก่อน ความรักครอบครัว การต่อสู้กับธรรมชาติเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินทำกิน ได้รวมอยู่ในหนังสือชุดนี้
2.บ้านเล็กบนเนินหิน
นับตั้งแต่หนังสือชุดบ้านเล็กได้รับการตีพิมพ์ ผู้อ่านก็ได้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับ ลอร่า อิงกัลส์ และพี่น้องของเธอ ตั้งแต่ครอบครัวย้ายออกมาจากป่าใหญ่ในวิสคอนซิน ผ่านที่ราบอินเดียนมาสู่ดาโกต้าใต้ จนกระทั่งลอร่าแต่งงานกับ แอลแมนโซ ไวล์เดอร์ ทีนั่น หลังจากหลายปีแห่งภัยแล้ง ประกอบกับไฟไหม้ฟาร์มจนวอดวาย ครอบครัวไวล์เดอร์ ก็เลยต้องหาทางสร้างอนาคตใหม่ และเมื่อลูกของลอร่าที่ชื่อว่า โรส อายุครบ 7 ปี ก็เริ่มต้นออกเดินทางอีกครั้ง จนผ่านเมืองที่เจริญรุ่งเรือง สุดท้ายแล้วลอร่าและครอบครัวก็ได้ซื้อฟาร์มร้อคกี้ริดจ์ซึ่งเป็นจุดจบของการแสวงหาครั้งนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดีที่ครอบครัวไวล์เดอร์จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม ซึ่งเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องราวผ่าน โรส ลูกสาวของลอร่า
3.ดาวหางในเมืองมูมิน + มนตร์มูมิน
ที่จริงแล้วหนังสือมูมินนั้นมีตั้ง 9 เล่ม แต่เราเพิ่งเคยอ่านเพียง 2 เล่ม คือ ดาวหางในเมืองมูมิน (เล่ม 2) และ มนตร์มูมิน (เล่ม 3) มูมินเป็นเรื่องราวของโทรลที่เน้นไปที่การใช้ชีวิตกับครอบครัว การผจญภัย ภยันตราย ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นสุดท้ายครอบครัวและมิตรภาพก็ยังคงอยู่ ทุกคนก็กลับมารวมกันได้เสมอ
4.บรัดเล่ย์เด็กเกเรหลังห้องเรียน
เรื่องราวของบรัดเล่ย์เด็กเกเรที่มักจะนั่งอยู่หลังสุด ที่โต๊ะตัวสุดท้าย โดยที่ไม่มีใครอยากยุ่งกับเขา ทำราวกับเขาไม่มีตัวตน และเมื่อบรัดเลย์เห็นว่าในเมื่อไม่ได้มีใครเห็นว่าเขาเป็นเด็กดี ไม่ได้เป็นที่ยอมรับ ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องทำตัวดีเลย แต่โชคดีที่มีครูคนหนึ่งได้เข้ามาในชีวิตของบรัดเล่ย์ เธอชื่อว่า ครูคาร์ล่า ครูมองเห็นคุณค่าในตัวบรัดเลย์ ทำให้เขาพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น
ซึ่งหนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่แนะนำให้เด็กอ่านเท่านั้น เราในวันนี้ที่กลายเป็นผู้ใหญ่ เมื่อได้หยิบหนังสือเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ก็ทำให้คิดตามว่า แม้แต่เด็กที่เกเรอย่างบรัดเล่ย์ก็ควรให้ความสำคัญ ใส่ใจ และยอมรับในตัวเขา เพราะเด็กที่เกเรก็ต้องการให้ผู้ใหญ่อย่างเราเข้าใจ และถ้าเราเข้าใจเขามากพอ เขาก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น
5.โต๊ะโตะจังเด็กหญิงข้างหน้าต่าง + นางสาวโต๊ะโตะ
หนังสือโต๊ะโตะจัง และภาคต่อนางสาวโต๊ะโตะ เป็นเรื่องราวที่มาจากชีวิตจริงของเด็กคนหนึ่งที่เคยถูกเรียกว่า “โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง” เธอเป็นเด็กที่ร่าเริง จิตใจดี แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี (จากผู้ใหญ่บางคน) ทำให้แม่ของเธอตัดสินใจพาเธอย้ายโรงเรียน ก่อนหน้าที่จะย้ายโรงเรียนโต๊ะโตะมักชอบมองออกไปนอกหน้าต่างบ้าง ชวนเพื่อนคุย ก่อปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ครูคิดว่ามันเป็นภาระ ทำให้โดนครูดุอยู่เสมอ เธอจึงถูกไล่ออกและคุณครูยังบอกว่าเธอไม่น่าจะเรียนกับใครได้ไม่ว่าจะไปที่ไหน
แต่ด้วยความที่แม่ของโต๊ะโตะไม่อยากให้ลูกรู้สึกเป็นปมด้อย จึงไม่ได้บอกลูกว่าถูกไล่ออก แต่บอกว่าอยากให้ลูกได้เจอกับบรรยากาศใหม่ ๆ โดยส่งลูกไปเรียนที่โรงเรียนโทโมเอ ซึ่งไม่เหมือนกับโรงเรียนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่เน้นวิชาการ ที่โรงเรียนแห่งนี้บรรยากาศก็น่าเรียน เนื่องจากห้องเรียนทำมาจากตู้รถไฟ บางครั้งก็ได้นั่งเรียนในสวน ได้สัมผัสกับธรรมชาติจริง ๆ อีกทั้งยังมีครูที่เข้าใจพื้นฐานจิตใจของเด็ก ให้อิสระเด็ก ๆ ทางความคิด แต่ในขณะเดียวกันก็สอนให้เด็ก ๆ มีคุณธรรมควบคู่กันไปด้วย ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ก็เคยเป็นโรงเรียนที่มีอยู่จริง ตอนที่อ่านจบก็อยากเรียนในโรงเรียนแบบโต๊ะโตะจังเลย
6.วอเตอร์เบบี้หนูน้อยใต้น้ำ
ในโลกใต้น้ำมีเรื่องที่น่าพิศวงมากมาย แม้แต่ทารกที่อาศัยอยู่ใต้น้ำ โดยที่หนังสือเล่มนี้จะพาผู้อ่านให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกใต้ท้องทะเลไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากทารกน้ำจะต้องออกผจญภัย ไปพบเจอกับความยากลำบากด้วยตัวเอง มิฉะนั้นก็ไม่โตเป็นผู้ใหญ่เสียที
โดยที่ทารกน้ำจะพาเราไปพบเจอกับสัตว์น้ำ ตลอดจนสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ให้ผู้อ่านได้ตระหนักถึงคุณค่าของแหล่งน้ำต่าง ๆ ตามธรรมชาติที่เราควรช่วยกันรักษาไว้ นอกจากนี้ยังแฝงข้อคิดเกี่ยวกับการดำรงชีวิตอยู่อย่างมีจริยธรรมโดยผ่านการกระทำของตัวละครต่าง ๆ เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่อยากให้ทุกคนได้ลองอ่านกัน
7.หนังสือชุดครอบครัวน่ารัก
และหนังสือนิยายเยาวชนอีกเล่มหนึ่งที่ตอนเด็ก ๆ เราอดที่จะหยิบมาอ่านซ้ำ ๆ ครั้งละหลาย ๆ รอบ สำหรับวรรณกรรมเยาวชนชุดครอบครัวน่ารัก เป็นหนังสือที่เคยชนะรางวัล the Charles W. Follett Award และได้รับการกล่าวถึงจากหนังสือพิมพ์ New York Times อีกด้วย
ซึ่งหนังสือเรื่องนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวชาวยิวที่อาศัยอยู่ชานกรุงนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิง 5 คนพี่น้องที่ร่าเริงสดใส (เล่มที่ 2 มีน้องชายเพิ่มมาอีก 1 คน) มีความเอื้ออาทรต่อกัน และมีพ่อแม่ที่รักและเข้าใจลูก ๆ มากที่สุดในโลก โดยที่ในเรื่องครอบครัวน่ารักมีมุมมองความคิดที่สำคัญมากมายที่จะช่วยสอนเหล่านักอ่านตัวน้อยได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ดีงามไปพร้อม ๆ กับตัวละครทั้ง 5 พี่น้องในเรื่องนี้
อย่างเช่นประโยคที่บอกว่า “ลูกควรจะเรียนรู้ที่จะมองข้ามความแตกต่างของแต่ละคน เพราะนั่นไม่ใช่ส่วนสำคัญของเขาเลย สิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงคือ คนคนนั้นมีจิตใจที่ดีงามหรือไม่”
8.โมโม่
หนังสือวรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้เราได้อ่านเมื่อตอนที่เป็นเราเป็นนักศึกษาปี 4 ที่มหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง เนื่องจากในวิชาวรรณกรรมได้มีโอกาสเรียนเรื่องนี้เป็นฉบับภาษาเยอรมัน ทำให้ต้องไปตามล่าหาซื้อหนังสือเล่มนี้ฉบับแปลก่อนที่จะเริ่มเรียนเรื่องนี้
โมโม่เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดา ที่อาศัยอยู่ในโรงละครโบราณ ไม่มีใครรู้วาโมโม่เป็นใครมาจากไหน รู้แต่เพียงว่า หากมีเรื่องต้องการระบายก็ต้องมาพูดกับโมโม่นี่แหละ โมโม่ก็จะตั้งใจฟังคนเหล่านั้นพูดบ่น ซึ่งเธอก็ทำหน้าที่นักฟังที่ดีเลยทีเดียว นานวันเข้าไม่มีใครมาคุยกับโมโม่ เพราะทุกคนต่างคร่ำเคร่งทำแต่งาน ไม่มีแม้แต่เวลามาพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนแต่ก่อน โดยที่ตัวการหลักก็มาจากชายสีเทา ผู้ขโมยเวลาของชาวเมือง ปลุกกระแสให้ชาวเมืองประหยัดเวลาแล้วทำงานกันให้มากขึ้น มีเพียงโมโม่ที่ไม่ได้รับผลกระทบนี้เพราะเด็กอย่างโมโม่มีเวลาเหลือเฟือ เขาต้องหาทางช่วยให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ภาพยนตร์เรื่องโมโม่
เรื่องนี้มีข้อคิดสอนใจที่ลึกซึ้งอยู่หลายส่วน แต่หลัก ๆ แล้วผู้แต่งต้องการพูดถึงเรื่อง “เวลา” ที่คนเรามักชอบบ่นกันว่า มันไม่สำคัญ หรือเสียเวลา สุดท้ายแล้วเราก็อาจจะประหยัดเวลาจนลืมความสุขข้างทางในชีวิตไป อย่างเช่น การยิ้มให้กัน หรือแม้แต่พูดทักทายสารทุกข์สุขดิบ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการฟังของโมโม่ ที่ใช้ใจฟังผู้อื่นพูดมากกว่าใช้หูฟัง รวมถึงตัวละครอื่น ๆ ก็มีข้อคิดสอดแทรกที่ทำให้ผู้อ่านอย่างเราต้องมานึกทบทวนกับชีวิตของตัวเองอยู่บ่อย ๆ
9.หนังสือชุดน้องเล็ก
หนังสือเรื่องไม่มีใครร้ายเท่าน้องเล็ก น้องเล็กยังร้ายอยู่ น้องเล็กยิ่งร้ายใหญ่ และชีลาร้ายที่สุด เป็นหนังสือชุดน้องเล็ก ที่ได้เล่าเรื่องราวของพีเตอร์เด็กชายวัย 9 ขวบ ที่มักจะปวดหัวกับวีรกรรมของฟัดจี้น้องชายของเขาอยู่เสมอ หนำซ้ำน้องของเขามักจะได้อะไรดี ๆ ด้วยสิ อย่างเช่น อยู่ ๆ ก็ได้เป็นนายแบบโฆษณา ได้จักรยาน หรือเวลาไปไหนใคร ๆ ก็มักเอ็นดูน้องมากกว่าเสมอ แต่ถึงจะหมั่นไส้น้องตัวเองสักแค่ไหน พีเตอร์ก็ยังรักน้องของเขาอยู่ดี
หากเด็กคนไหนได้เป็นพี่คนโต และได้ลองอ่านหนังสือชุดนี้จะเข้าใจหัวจิตหัวใจของพีเตอร์เป็นอย่างดี (แต่น้องคนเล็กก็อ่านเรื่องนี้ได้นะ 555)
10.ลอร์ดน้อยฟอนเติ้ลรอย
เรื่องราวของเด็กชายวัย 8 ขวบ ที่จู่ ๆ ก็ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมารับตำแหน่ง “ท่านลอร์ด” เพื่อที่จะเป็น “ท่านเอิร์ลแห่งโดรินคอร์ท” ขุนนางตำแหน่งไม่เล็กของอังกฤษในอนาคต แต่เพราะแม่ของเธอดันเป็นชาวอเมริกัน ที่ “ท่านเอิร์ล” คนเจ้ายศดูหมิ่นดูแคลนยังกับอะไรดี แต่เพราะความน่ารัก และเฉลียวฉลาดของ “ลอร์ดน้อย” สามารถเอาชนะใจคุณปู่ขุนนางจอมเจ้ายศได้อย่างน่าเอ็นดู
นิยายเยาวชนเรื่องลอร์ดน้อยฟอนเติ้ลรอยได้ทำหน้าที่เป็นทูตส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างอังกฤษและอเมริกา หลังจากที่เกิดสงครามระหว่างอังกฤษและอเมริกา และอเมริกาเป็นประเทศเอกราชขึ้นมาในที่สุด
11.ครอบครัวตัวอักษร
วรรณกรรมเยาวชนที่บอกเล่าเรื่องราวของเคต เด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ ๆ พ่อแม่ของเขาจากไปอย่างกระทันหัน เขาต้องเดินทางไปอยู่กับญาติ ๆ ครอบครัวตัวอักษร ที่บ้านแอปเปิลพอร์ด แม้ว่าเคตจะเจ็บปวดที่ต้องมีชีวิตที่โดดเดี่ยวสักเพียงใด หรือเคตจะทำตัวเกเรสักแค่ไหนแต่ครอบครัวตัวอักษรก็จะช่วยเติมเต็มความรัก ความอบอุ่นในใจให้เคตได้รับมันอย่างที่เด็กคนหนึ่งสมควรได้รับ
ครอบครัวตัวอักษรมีเด็ก 5 คน A ออกัสตัส B เบเนดิกต์ C ชาร์ลี D ดาริอัส E เอดเวิร์ด แต่มีอยู่วันหนึ่งทุกคนในบ้านแอปเปิลพอร์ดก็เรียกชื่อเธอด้วยชื่อใหม่ที่มีความหมายด้วยตัว F สมาชิกในบ้านเรียกเธอว่า เฟรด เธอค่อย ๆ กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบ
12.สมุดพกคุณครู + สมุดพกคุณแม่
สมุดพกคุณครูและสมุดพกคุณแม่เป็นหนังสือที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคุณครูและเด็ก โดยที่หนังสือเรื่องสมุดพกคุณครูเป็นหนังสือที่แสดงให้เห็นว่าครูก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่สามารถทำผิดพลาดได้ ไม่จำเป็นว่าเป็นผู้ใหญ่จะต้องถูกเสมอไป ขอเพียงแค่เป็นคนที่มีคุณธรรม และมีความเข้าใจในตัวเด็ก ๆ ก็พอ
ส่วนสมุดพกคุณแม่เป็นหนังสือที่แสดงให้เห็นความรู้สึกของเด็กที่มีต่อแม่และครูของพวกเขา พร้อมกับความรู้สึกของเพื่อน ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งทางความคิดของผู้ใหญ่ ที่ปรากฎออกมาสู่การรับรู้ของเด็ก ทำให้เด็กต้องเลือกเชื่อว่าสิ่งที่ครูคิด หรือสิ่งที่แม่คิดแบบไหนถูกต้องกันแน่
ทั้งสมุดพกคุณครูและสมุดพกคุณแม่เป็นหนังสือที่ทั้งเด็ก ผู้ปกครองและคุณครูควรอ่านเพื่อที่จะได้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเด็ก ๆ ตั้งแต่วัยเยาว์ และทำให้เข้าใจเด็ก ๆ มากขึ้นว่าบางครั้งเด็ก ๆ ก็มีความคิดที่ดีกว่าผู้ใหญ่เสียอีก
13.บ้านแห่งความรัก
นิยายเยาวชนที่อ่านเพลิน ๆ อีกเรื่องหนึ่ง บ้านแห่งความรัก เป็นเรื่องราวของพ่อแม่และลูก 4 คน อาศัยอยู่ในบ้านอันแสนอบอุ่นบนเนินเขา แม้ว่าจะมีปัญหาเข้ามามากมายสักแค่ไหนแต่ทุกคนก็ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ ทำให้บ้านหลังคาแดงของพวกเขากลายเป็นบ้านแห่งความรักได้ในที่สุด
14.บ้านสตรอว์เบอร์รี
บ้านสตรอว์เบอร์รีเป็นหนังสือที่ได้รับเหรียญรางวัลนิวเบอร์รีในปี 1945 โดยเรื่องราวที่ให้บรรยากาศของฟลอริดาราว ๆ ปี 1900 ทั้งในด้านสภาพสังคม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ความคิดความเชื่อต่าง ๆ ซึ่งเรื่องนี้ผู้เขียนได้เขียนมาจากประสบการณ์ที่เธอได้สัมผัสกับชาวแครกเกอร์เมื่อครั้งไปเยือนฟลอริดาโดยได้สเกตช์ภาพของผู้คน สัตว์เลี้ยง สภาพแวดล้อม บ้านเมือง เอาไว้ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น
สมัยก่อนฟลอลิด้าเป็นเมืองที่แห้งแล้งและมีอากาศแปรปรวน ผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมเลี้ยงวัว วันหนึ่งครอบครัวบอยเยอร์เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองนี้โดยที่ตั้งใจจะมาทำไร่ โดยที่เบอร์ดีตั้งใจจะปลูกสตรอว์เบอร์รี แต่เพื่อนบ้านตัวแสบทำให้อะไร ๆ ก็กลายเป็นเรื่องที่ยากตั้งแต่แรกเริ่ม
15.เพื่อนคนใหม่
เรื่องราว ยุกะ ของเด็กหญิงที่ย้ายมาจากโตเกียว และ มาซารุ เด็กชายที่จะได้นั่งใกล้ ๆ เธอ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ถูกกัน แต่เมื่อวันหนึ่งทั้งสองตกลงแต่งงานและจะไปฮันนีมูนกัน เพื่อน ๆ ทุกคนก็พลอยยินดีสมทบเงินคนละ 30 เยนสำหรับคู๋บ่าวสาว เพื่อเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
นิยายเรื่องนี้ทำให้เห็นถึงเรื่องราวเด็ก ๆ ที่ถึงแม้ว่าจะเปราะบางแตกร้าวได้ง่าย แต่ถ้าเพื่อนและผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างพยายามเข้าใจ รวมถึงตัวเด็กเองก็มีความรักความเข้าใจระหว่างกันก็จะช่วยให้ทุกสิ่งดำเนินไปได้ด้วยดี
16.เด็กชายในชุดนอนลายทาง
หนังสือเรื่องเด็กชายในชุดนอนลายทางไม่เพียงแต่อยากแนะนำให้เด็กอ่านเท่านั้น แต่ทว่าหนังสือเล่มนี้ก็ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใหญ่เช่นกัน
เรื่องราวที่อิงประวัติศาสตร์ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สองในประเทศเยอรมนี ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ซึ่งเรื่องนี้หลัก ๆ แล้วจะเป็นเรื่องราวมิตรภาพของเด็กชายวัย 9 ขวบ 2 คน ระหว่าง “บรูโน” ลูกชายนายทหารนาซีที่ฮิตเลอร์ส่งมาคุมค่ายเอาชวิตซ์ในโปแลนด์ และ “ชมูเอล” เด็กชายชาวยิวที่อยู่ในค่ายกักกัน เมื่อบรูโนและครอบครัวต้องย้ายไปที่บ้านหลังใหม่ เขาได้พบถึงความแตกต่างทั้งสภาพความเป็นอยู่ และวิธีการปฎิบัติตัวต่อบรูโน ที่ต่างจากชมูเอลรวมถึงชาวยิวคนอื่น ๆ ที่สวมชุดนอนลายทางหลังรั้วหนามอย่างสิ้นเชิง
หากใครเคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนก็คงทราบว่าตอนจบเรื่องนี้ทำให้คนดูรู้สึกสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย ต่างจากในหนังสือที่ไม่ได้มีการพูดถึงการสังหารตรง ๆ เพียงแค่ให้ผู้อ่านได้นึกต่อเอาเอง จึงไม่รู้สึกสะเทือนใจเท่ากับการดูหนัง (ดังนั้นใครยังไม่เคยดูหนังและอ่านหนังสือเรื่องนี้มาก่อนให้เริ่มจากการอ่านหนังสือก่อนจะดีกว่านะ)
17.ชุดวรรณกรรมเยาวชนของ Jacqueline Wilson
แจ๊กเกอลีน วิลสัน เป็นนักเขียนชาวอังกฤษชื่อดังที่ได้ฝากผลงานวรรณกรรมเยาวชนเอาไว้มากมายหลายเรื่อง ซึ่งเด็กหลายคนรวมถึงเราก็โตมากับหนังสือของแจ๊กเกอร์ลีนเลยก็ว่าได้ แม้ว่าเราจะอ่านได้ไม่ครบทุกเรื่องแต่ก็ได้อ่านผลงานของนักเขียนคนนี้มาหลายเล่มพอสมควร จุดเด่นของวรรณกรรมแจ๊กเกอร์ลีน จะเขียนเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับปัญหาครอบครัว แต่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างอบอุ่น เรื่องที่เราอ่านบ่อย ๆ คือเรื่อง แสบกำลังสอง เด็กแฝดที่มีนิสัยต่างกันคนละขั้ว แม้จะมีทะเลาะกัน แต่สุดท้ายทั้งสองก็เข้าใจกัน รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ที่เราเคยอ่านในภาพด้านบนนี้ก็สนุกมากต้องลองอ่านกัน
18.ซองดรีน
ซองดรีนหนังสือแปลจากภาษาฝรั่งเศสเป็นหนังสือที่อ่านง่ายเนื่องจากตัวหนังสือไม่เยอะ แต่ก็แฝงไปด้วยข้อคิดมากมาย โดยที่ซองดรีนจะเป็นตัวแทนของเด็กที่มีความใสบริสุทธฺ์ การแสดงออกของเด็กนั้นมีความไร้เดียงสาแต่ก็แฝงไปด้วยความจริงใจ ไม่เสแสร้ง ซองดรีนเป็นเด็กช่างฝันช่างเปรียบเทียบ ที่เราชอบที่สุดที่สุดก็คงจะเป็นการที่ซองดรีนเปรียบเทียบพ่อเป็นสีต่าง ๆ อย่างเช่น
“บางวันพ่อเป็นสีฟ้า ฟ้าครามเหมือนทะเลในฤดูร้อน หากแต่สงบเงียบ พ่อจะอุ้มซองดรีนให้นั่งอยู่บนตัก”
“วันที่คุณพ่อเป็นสีดำล้วน เราจะเดาได้ทุกอย่างเมื่อได้ยินเสียงพ่อมาถึง โครมมม เสียงกระแทกของประตูรถ”
“หลังจากนั้นเกือบทุกวันพ่อจะเป็นสีชมพู พ่อจะกอดทุก ๆ คน พ่อเล่าเรื่องตลกมากมาย”
“ยิ่งกว่านั้นพ่อยังมีสีอื่น ๆ อีกมาก สีเขียวเมื่ออากาศแจ่มใส พ่อจะสมัครใจวุ่นอยู่กับงานตบแต่งสวน”
“เมื่อพ่อเป็นสีส้มพ่อจะหัวเราะดังมาก ๆ พ่อทำทุกอย่างเสียงดัง”
“เมื่อพ่อกลายเป็นสีขาว เป็นสีที่น่ารักเกียจมากที่สุด พ่อจะเดินผ่านผู้คนเหมือนมองไม่เห็นใครเลย”
“บางครั้งพ่อก็กลายเป็นสีม่วง เมื่อพ่อรู้สึกเศร้าโศกนิดหน่อย”
19.ปิ๊ปปี้ถุงเท้ายาว + ปิ๊ปปี้ออกทะเล
ปิ๊ปปี้ถุงเท้ายาว และภาคต่อที่ชื่อปิ๊ปปี้ออกทะเล เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ตัวเอกอย่างปิ๊ปปี้ได้กลายเป็นขวัญใจเด็ก ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในหมู่ชาวสวีเดน ซึ่งปิ๊ปปี้ได้กลายเป็นตัวแทนของความเข้มแข็ง กล้าคิด กล้าแสดงออก และกล้าเป็นตัวของตัวเอง
ปิ๊ปปี้เด็กผู้หญิงอายุ 9 ขวบตัวเล็กผอม มีใบหน้าที่ตกกระ เธอมีผมสีแดงที่ถูกถักด้วยเปีย 2 ข้างชี้โด่เด่ เธอใส่รองเท้าคู่ใหญ่กว่าตัว และสวมถุงเท้าคู่ยาวที่ไม่เข้าคู่กัน ปิ๊ปปี้เป็นเด็กที่ได้ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่มีกฎเกณฑ์หรือข้อห้ามใด ๆ เธออาศัยอยู่กับม้าและลิงในบ้านตามลำพัง ไม่มีทั้งพ่อและแม่ ความพิเศษของเธอคือมีพละกำลังมหาศาลที่สามารถแบกม้าได้ทั้งตัว (บางทีก็แบกม้าไปไว้บนระเบียงบ้านแหน่ะ 555)
ตอนที่เราเป็นเด็กเราก็เคยอิจฉาปิ๊ปปี้ที่มีชีวิตไร้กฎเกณฑ์ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเรียนหนังสือด้วย และเชื่อว่าเด็กหลาย ๆ คนก็คงคิดแบบเดียวกัน แต่เมื่อโตขึ้นแล้วได้ย้อนกลับมาอ่านเรื่องนี้อีกทีเราก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่า ชีวิตที่ไร้กฎเกณฑ์แบบปิ๊ปปี้มันจะดีจริงหรือ? -แต่ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีแหละมั้ง
หนังสือที่เราแนะนำอาจจะไม่ใช่หนังสือยอดนิยมหรือไม่ใช่หนังสือได้รับรางวัลทุกเล่ม แต่หนังสือทุกเล่มก็ช่วยให้เรามีจินตนาการ มีความรู้ และเข้าใจโลกมากยิ่งขึ้น ส่วนใหญ่ในวรรณกรรมเยาวชนจะเป็นหนังสือที่ทำให้ผู้อ่านต้องฉุกคิดตาม เพราะทุกเรื่องมักจะสอดแทรกคติสอนใจ แง่คิดต่าง ๆ แม้ว่าหนังสือบางเล่มจะเล่าเรื่องราวในยุคสมัยก่อน แต่ก็สามารถทำให้ผู้อ่านแม้แต่เด็กเล็ก ๆ นำมาปรับใช้ได้ในชีวิตจริงได้ทุกยุคทุกสมัย หากใครสนใจหนังสือที่เราแนะนำไปข้างต้นนี้ก็สามารถเข้าไปสั่งซื้อทางเว็บไซต์ของร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ ทั้งร้านนายอินทร์ ซีเอ็ดบุ๊ก หรือร้านคิโนะคูยะได้เลย
I like to stay at home, writing random stuff and watching series. I enjoy learning new things and exploring new ideas.