วันที่ 2 ในวังเวียง..
เราทั้งคู่ตื่นแต่เช้าเพื่อมาถ่ายรูปไอหมอกที่ริมแม่น้ำซอง
วันนี้เราทั้งสองเลือกรับประทานแซนวิชลาว (ที่หน้าตาเหมือนขนมปังฝรั่งเศส “บาเกตต์”) เป็นอาหารเช้า
หน้าตาของแซนวิชลาว อิ่มใช่เล่นนะเนี่ย เก็บไว้กิน 2 มื้อได้เลย
หลังจากที่เมื่อวานที่เราไปเดินเลือกทัวร์มา เราตัดสินใจซื้อทัวร์แบบ 1 day
•นั่งสองแถว – เดินเข้านา เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ถ้ำน้ำ (ล่องห่วงยางเข้าถ้ำ)
ทัวร์ที่เรานัดเอาไว้ นำรถสองแถวมารับหน้าที่พัก โดยที่รับเรากับเพื่อนเป็นคนแรก จากนั้นก็จะแวะรับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ตามจุดต่าง ๆ
วิวทิวทัศน์ก่อนออกนอกตัวเมือง
เริ่มออกนอกเมืองแล้ว
เมื่อถึงจุดหมายทางทัวร์จะแจกกระเป๋ากันน้ำใบใหญ่ ๆ ให้คนละใบ ในนั้นจะมีน้ำดื่มให้คนละขวด เราต้องเดินเข้านาร่วมไปกับทัวร์อื่น ๆ กันอีกสักพัก เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ถ้ำน้ำ
กว่าจะได้เข้าถ้ำก็ประมาณเที่ยงๆ พอดี นั่งรอคิวมองกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เล่นซิปไลน์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลได้เพลิน ๆ พร้อมกับฟังเพลงไทย ที่ได้รับความนิยมในหมู่คนลาว การเข้าถ้ำครั้งนี้เป็นอะไรที่กินพลังงานมาก ต้องนั่งบนห่วงยางพร้อมใช้ 2 มือดึงเชือกเข้าถ้ำ เป็นถ้ำตัน เพราะฉะนั้นก็ต้องจับเชือกดึงเข้าถ้ำและดึงเชือกกลับ ขาไปทวนน้ำก็เลยจะใช้พลังแขนเยอะสุด พอออกมาจากถ้ำก็ได้แช่น้ำเล่นสักพัก ทางทัวร์ก็มีอาหารให้เรารับประทาน นั่งกินอาหารห่อใบตองกันบริเวณนั้นเลย
ระหว่างเดินออกไปขึ้นรถสองแถว
จากนั้นก็ขึ้นรถสองแถวต่อ เดินทางไปที่
•สะพานสุดโยก – นั่งสองแถวมุ่งหน้าสู่การพายเรือคายัคที่แม่น้ำซอง
ระหว่างที่รถพาเรามาที่จุดหมายถัดไป เราเดินเข้าป่าย่อม ๆ กันอีกรอบ แวะไหว้พระในถ้ำ จากนั้นก็เดินข้ามสะพานเพื่อไปพายเรือที่แม่น้ำซอง
สะพานโยกเยก ชวนให้หวาดเสียวเล็กน้อย
การพายเรือคายัคที่แม่น้ำซอง ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง เจ้าหน้าที่อธิบายการพายเรือว่าถ้าอยากไปทางซ้ายให้พายไปทางขวา ถ้าอยากไปทางขวาให้พายไปทางซ้าย พายทั้งสองข้างเพื่อให้เรือแล่นตรง และพายกลับหลังเพื่อถอยหลัง แม่น้ำซองตื่นบางจุด น้ำไหลเชี่ยว เจอนักท่องเที่ยวนอนดื่มเบียร์ชิว ๆ ลอยคอบนห่วงยางเป็นระยะ พายเรือผ่านร้านอาหารที่กำลังปาร์ตี้ เล่นน้ำกับคายัคแต่ละลำที่แล่นผ่าน แน่นอนว่าเปียก (เล็กน้อย) และคงไม่ต้องพูดถึงว่าเรือของเรามันก็ติดโขดหินด้วย 555 ปวดแขนมากกกกกก
การพายเรือที่แสนทรหด มันดูเหมือนใช้เวลานานมาก (แต่สนุก)
กล้ามแขนแข็งแรงขึ้นเลยทีเดียว
หลังจากที่ล่องเรือกันเรียบร้อย สถานที่ต่อไปก็คือ บลูลากูน
ระหว่างทางที่รถสองแถวแล่นผ่าน
•ไปบลูลากูน
ตอนที่เราอ่านรีวิวจากคนอื่น คิดในใจว่าทำไมสวยจัง พอไปเจอคือคนเยอะมากกกก น้ำที่บลูลากูนก็ไม่ฟ้าอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะฝนเพิ่งจะหยุดตกทำให้น้ำขุ่นก็ได้มั้ง
แต่น้ำเป็นสีฟ้าตรงต้นสายอยู่นะ
ชาวลาวมานั่งปิกนิกกันเต็มเลย มีการขายอาหารปิ้งย่างกันด้วย ที่จริงในบลูลากูนมีถ้ำให้เข้าด้วย แต่ไม่ได้ขึ้น ถ่ายรูปด้านหน้ามาเฉย ๆ
ที่จริงตอนซื้อทัวร์จะต้องได้ไปน้ำตกกับสะพานโกลเด้นเกตด้วยสิ ทำไมทัวร์ไม่พาไป เพื่อนเราเลยลงไปไฟต์ อ้าวสุดท้ายทัวร์บอกมีแค่นี้!!! สำหรับใครที่ไปรอบหลังหากต้องการซื้อทัวร์พาเที่ยวก็ลองถามข้อมูลละเอียด ๆ นะ เรากับเพื่อนนี่พลาดเอง
แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเวลาด้วยมั้ง กลับมาถึงที่พักก็เย็นพอดี
เรากับเพื่อนก็หาร้านอาหารกินข้าว เดินเล่นชมวิวแถวนั้น เดินหารถสำหรับกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น ก็ถือว่าได้มาผ่อนคลายดีเหมือนกันนะ
เฝอ อย่างละ 15,000 กีบ
วันกลับบ้าน เช้าวันรุ่งขึ้นเราทานแซนวิชลาวเช่นเคย แล้วเก็บอีกครึ่งหนึ่งเอาไว้กินบนรถยามหิวโหย
เรานั่งรถทัวร์แบบพัดลม (ให้ฟิลแบบกลับจากค่ายยุว-เนตรนารี 555) ทำเรื่องเดินทางกลับเข้าหนองคาย และต่อรถทัวร์ของนครชัยแอร์ (นอนในรถ) กลับบ้าน
เหลือเงิน 500 กีบ กลับบ้าน ไม่รู้จะซื้ออะไรและ เงินไม่พอซื้ออะไรเลย
เก็บเป็นที่ระลึกละกัน
ระหว่างรอรถทัวร์ที่หนองคาย เราก็ได้ไปกินขนมที่ร้าน Coffee Talk และกินราดหน้าหมี่กรอบใส่แต่ไข่ไม่ใส่หมูมาด้วย อร่อยเหาะ 😀
จากการไปเที่ยวครั้งนี้สนุกดีไม่ได้ผิดหวังอะไรมากเท่าไร เป็นการเที่ยวแบบชิว ๆ เราไม่เคยเดินทางด้วยรถทัวร์สาธารณะมาก่อน เดินทางไปเที่ยวแบบนี้มาก่อน เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย รวมถึงยังเป็นการมาเที่ยวที่ใช้เงินจากการทำงานของตัวเองก้อนแรกอีกด้วย ไม่ต้องขอเงินแม่ โครตภูมิใจในตัวเองเลย 😀
I like to stay at home, writing random stuff and watching series. I enjoy learning new things and exploring new ideas.