การตื่นนอนตอนเช้า งานที่ทำ ไปจนถึงอาหารที่คุณรับประทาน พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์และสภาพจิตใจของคนเราที่สามารถส่งผลต่อสภาพแวดล้อมและเหตุการณ์รอบ ๆ ตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงและมีผลลัพธ์เป็นอย่างไรนั้นก็อยู่ที่ตัวของเราเอง
ในทุก ๆ วันที่เราต้องตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ มากมาย รวมถึงสร้างนิสัยและพยายามปลูกฝังทัศนคติในแง่บวก เพื่อให้เราเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตไปในทางที่ดียิ่งขึ้น
โลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยปัญหามากมาย ทั้งเรื่องราวเป็นภัยต่อสังคม ทัศนคติของคนในแง่ลบ และบ่อยครั้งก็มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น เราต่างถูกข่าวสารทางสื่อโซเชียลต่าง ๆ ครอบงำ จึงเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ซึบซับสิ่งเหล่านี้ได้
เนื่องจากสมองของคนเราสามารถรับข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และพยายามประมวลผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ดังนั้นกิจวัตรประจำวัน นิสัย และความเคยชินจึงมีอิทธิพลที่ส่งผลต่อมุมมองและสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองด้วย
เพราะฉะนั้นการนำนิสัยที่ช่วยให้มีความสุขมาปรับใช้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะทำให้จิตใจของคุณสงบได้ในแต่ละวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่กับภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล เราจึงควรหมั่นสังเกตตัวเองว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข
ซึ่งนิสัยที่ทำให้เกิดความสุขนั้นมีพลังมากพอที่จะทำให้คุณสุขได้เสมอ
การนำนิสัยที่มีความสุขมาใช้จะช่วยเสริมสร้างความคิดของคุณ และรับมือกับเหตุการณ์ในชีวิตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และนี่คือนิสัยที่มีความสุข 9 อย่างที่คุณสามารถทำได้ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงความคิดและมุมมองต่อการใช้ชีวิตของคุณ
1.เดินเที่ยวชมธรรมชาติ
ในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ การออกไปสัมผัสอากาศเย็น ๆ และใช้เวลาเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติก็เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นชมธรรมชาติ ฟังเสียงนกร้อง เสียงฝีเท้าของตัวเองเวลาก้าวเดินในแต่ละก้าว สูดอากาศที่บริสุทธิ์จะช่วยคุณได้
ซึ่งถ้าคุณอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติอยู่แล้วก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเริ่มต้นปลูกฝังนิสัยนี้ แต่ถ้าคุณอาศัยอยู่ในเมือง ลองเลือกสวนสาธารณะใกล้บ้าน หรือใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ไปพักผ่อนตามที่พักที่ติดธรรมชาติ เพื่อผ่อนคลายหลังจากผ่านสัปดาห์อันหนักหน่วงหรือตึงเครียดมา การโฟกัสที่ธรรมชาติรอบตัว เสียงของธรรมชาติ เน้นไปที่ประสาทสัมผัสของตัวเองขณะที่อยู่ท่ามกลางความสงบของธรรมชาติจะช่วยทำให้เราผ่อนคลายได้
2.ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ (ที่ไม่จำเป็นต้องแชร์บนโลกออนไลน์)
คุณไม่จำเป็นต้องมีสามารถในการทำสิ่งที่สร้างสรรค์หรอก แค่ลองระบายสีในสมุดระบายสีสำหรับผู้ใหญ่ในขณะที่คุณกำลังรู้สึกโมโหอยู่ก็สามารถช่วยกำจัดความเครียดในแต่ละวันได้
ในขณะเดียวกันการเล่นเกมปริศนาซูโดกุหรือเกมหาศัพท์ก็จะทำให้จิตใจสงบ ความคิดฟุ้งซ่านจะค่อย ๆ เลือนหายไป และถ้ามีอะไรที่กำลังรบกวนจิตใจของคุณอยู่แล้วละก็ กิจกรรมประเภทนี้สามารถเปลี่ยนมุมมองของคุณได้
การทำในสิ่งที่ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้ทำงานจะทำให้ใจของคุณเปิดกว้างเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตของคุณ
3.ทำความสะอาดวันละ 15 นาที
ถ้าคุณใช้เวลาในแต่ละวันเพียง 15 นาทีเพื่อทำความสะอาด จัดห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือห้องนอนของคุณให้เรียบร้อย วันไหนที่คุณไม่มีเรื่องเครียดก็จะได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเพียงสละเวลาทำความสะอาด 15 นาทีทุกคืน คุณจะมีเวลามากขึ้นในการสร้างนิสัยที่มีความสุข ซึ่งจะช่วยให้สภาพจิตใจของคุณดีขึ้นได้
การทำความสะอาดก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับการทำบำบัดหรือการทำสมาธิ การดูแลรักษาสภาพเเวดล้อมของคุณตามลำดับจะทำให้คุณมีเวลามากขึ้นในการทำงานหรือภาระหน้าที่อื่น ๆ ให้สำเร็จ
4.อยู่เงียบ ๆ 10 นาที
ความเงียบหรือการอยู่ลำพังเพียงแค่ 10 นาทีก็สามารถทำสิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดกับจิตใจและอารมณ์ของคุณได้ ในช่วงสิบนาทีนั้น แค่นั่งในที่สบาย ๆ หลับตาลง และกำหนดลมหายใจเข้าออก นอกจากนี้หากคุณรู้สึกสับสนหรือเครียดเป็นพิเศษ คุณสามารถทำการสะกดจิตตัวเอง (Self-hypnosis) แบบสั้น ๆ ได้
ถ้าทำให้การนั่งเงียบ ๆ สิบนาทีนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของคุณ จะช่วยให้คุณทำงานได้ดีขึ้น ถือเป็นวิธีเพิ่มสมดุลให้กับวันของคุณ และเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่คุณสามารถทำได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับคุณได้ในระยะยาว
5.พยายามเขียนไดอารี่ (วันนี้ทำอะไรบ้างและวันต่อไปอยากทำอะไร)
ในตอนท้ายของแต่ละวัน การทำบันทึกประจำวัน หรือบันทึกสิ่งที่คุณได้ทำในแต่ละวัน รวมถึงสิ่งที่คุณต้องการทำในวันต่อไป เป็นอีกหนึ่งสิ่งหนึ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบกดดันตัวเองมาก ๆ การเขียนไดอารี่จะช่วยเปลี่ยนความคิดของคุณเกี่ยวกับวิธีการใช้ชีวิต การทำแบบนี้สามารถช่วยวางแผนการทำงานของคุณ เพียงแค่เขียนลิสต์งานที่ต้องทำหรือแผนการทำงานลงบนกระดาษเพื่อดูว่าแต่ละงานมีอะไรบ้าง เป็นวิธีที่ง่ายและไม่ซับซ้อนเลย
หากมีงานที่ต้องทำค้างอยู่เยอะหรือมีสิ่งที่คุณกำลังหลงลืมไป การทำบันทึกแบบนี้จะช่วยแบ่งเบาสิ่งที่คุณต้องแบกรับและบรรเทาความเครียดให้กับคุณได้
การจดบันทึกในแต่ละวันจะค่อย ๆ ปรับโครงสร้างสมองและจิตใจของคุณโดยการรักษาอารมณ์ของคุณในการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นคุณจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณทำงานอยู่ในเป้าหมายได้อีกด้วย
นอกจากนี้คุณจะหลงลืมน้อยลงและรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่คุณต้องการทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของงานหรือสิ่งอื่น ๆ ที่ต้องการตามความสนใจ
6.ยืดเส้นยืดสายวันละ 15 นาที
คุณไม่จำเป็นต้องถึงขั้นทำโยคะหรือบิดเอวทำท่ายาก ๆ เลย การยืดเส้นยืดสายในที่นี้หมายถึงการยืดร่างกายง่าย ๆ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้
การยืดเส้นยืดสายเป็นประจำทุกวันนั้นเป็นประโยชน์กับร่างกายของคุณ ช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น และคลายความตึงเครียดให้กล้ามเนื้อของคุณด้วย
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน อาจทำให้คุณมีอาการตึง ๆ ที่บริเวณไหล่และหลังของคุณได้ ให้คุณลองใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีทำการยืดเส้นยืดสายเพื่อผ่อนคลายและคลายความตึงเครียด คุณจะรู้สึกเบาสบายและจะได้ผ่อนคลายทั้งความคิดและจิตใจไปด้วยเมื่อที่ร่างกายของคุณรู้สึกดี
ประโยชน์ของการยืดเส้นยืดสายที่ทำเป็นนิสัย จะช่วยขจัดกับความเหนื่อยล้า อาการนอนไม่หลับ และช่วยขจัดความเครียดอีกด้วย หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและชีวิตของคุณ การให้ความสนใจกับร่างกายก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีเลยทีเดียว
7.ทำสลัดชามเล็ก ๆ ทานทุกวัน
อาหารคือความสุขและการทานอาหารของคุณก็ส่งผลต่อความรู้สึกของคุณเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องผิดนะที่คุณจะชื่นชอบการทานคัพเค้กหรือคุกกี้ แต่ก็มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าทั้งน้ำตาล กลูเตน และผลิตภัณฑ์จากนมต่างมีส่วนทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลได้ สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้กลไกการทำงานภายในร่างกายของคุณทำงานเกินกำลัง และส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าอย่างหนักหรือทำให้เกิดความผิดพลาดอื่น ๆ ตามมาได้
ลองท้าทายตัวเองด้วยการทำสลัดผักง่าย ๆ ทานทุกวันจนเป็นนิสัย จะทำให้คุณได้เห็นถึงความแตกต่างและมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะด้านอารมณ์ การทานอาหารที่สะอาดถูกหลักอนามัยจะช่วยส่งเสริมความสุขและก็เป็นนิสัยที่ดีเยี่ยมที่ควรมีไว้
8.ทำงานอาสาสมัคร/จิตอาสา
ขึ้นชื่อว่างานอาสมัครหรือการเป็นจิตอาสาก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว การไปทำงานอาสาสมัครบ่อย ๆ จะส่งผลให้ใจของเรารู้สึกสงบขึ้น และทำให้เรามีความสุขมากกว่าการทำงานที่เราทำอยู่ทุกวัน แม้ว่าเราจะรักในงานที่ทำ แต่การทำงานอาสาต่าง ๆ และการเป็นผู้ให้กับคนอื่นนั้นเป็นการยกระดับและเติมเต็มจิตใจของเราได้เป็นอย่างดี ลองหาเวลาว่างจากการทำงานอย่างหนักมาเป็นอาสาสมัครหรือทำกิจกรรมอาสาดู แล้วคุณจะพบว่าตัวเองมีความรู้สึกสงบ รีบเร่งน้อยลง และยังมีโอกาสมากขึ้นในการสนุกสนานไปกับคนอื่น ๆ และมีความสุขกับชีวิตอีกด้วย
9.เข้าร่วมคลาสเรียนเสริมทักษะต่าง ๆ
ถ้าเป็นไปได้ลองเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในวันหยุด หรือทำคลาสเรียนเสริมทักษะจำพวกงานศิลปะและงานฝีมือดูสิ อย่างเช่น ทำอาหาร เย็บผ้า โยคะ ปั้นเซรามิก ชมรมหนังสือ และการทำผ้ามัดย้อม เป็นต้น
มีหลักสูตรมากมายที่มีไว้สำหรับผู้คนในแต่ละสาขาอาชีพให้สามารถร่วมสนุกได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณทำงานเกี่ยวกับไอที และอยากมีความคิดสร้างสรรค์เพิ่ม ก็สามารถเข้าคลาสเสริมทักษะที่ช่วยให้คุณรู้จักกับลู่ทางเพิ่มขึ้นในสาขาของคุณหรือเพิ่มทักษะให้กับคุณ
ลองออกจาก comfort zone ของตัวเอง แม้จะเป็นแค่เดือนละครั้งก็ตาม มีคนจำนวนหนึ่งที่ทำงานอย่างหนักตลอดสัปดาห์ แต่ก็ยังคงหาเวลาไปเข้าร่วมคลาสเสริมทักษะ คนบางกลุ่มอาจเลือกใช้เวลาช่วงพักกลางวัน หากิจกรรมง่าย ๆ ทำกันอย่างเช่น ออกกำลังกาย เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับเข้าทำงานต่อด้วยแววตาที่สดชื่นขึ้น
การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณได้พบกับสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต เป็นการหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้คุณมีความกระตือรือร้นอยากที่จะกลับไปทำงาน
สุดท้ายนี้ เพื่อรักษาความคิดที่ดีให้คงอยู่กับเราต่อไป คุณก็ต้องให้เวลากับตัวเองและดูแลจิตใจของคุณให้ดีในทุก ๆ วัน ฝึกฝนรูปแบบการใช้ชีวิตต่าง ๆ อย่างเช่น การทำสมาธิอย่างมีสติ โฟกัสที่ลมหายใจหรือการเดินจงกรมเพื่อให้เกิดความสงบ การได้รับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่พอเหมาะเพื่อให้สมองกระตุ้น และส่งเสริมการผลิตเซโรเทนิน และการได้ยินเสียงธรรมชาติจะช่วยขวางกั้นความคิดในแง่ลบ
เมื่อมีการสร้างนิสัยหรือพฤิกรรมใหม่ ๆ ควรถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่านิสัยเหล่านั้นจะส่งผลต่อสุขภาพหรือทัศนคติในการใช้ชีวิตของคุณในระยะยาวยังไงบ้าง ถ้ามีนิสัยที่ปล่อยไว้ต่อไปจะทำลายความสุขของคุณ ให้เปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีนั้นด้วยนิสัยที่ดี ๆ ตามที่เราได้แนะนำไปข้างต้น โดยที่ต้องไม่เป็นการกดดันตัวคุณเอง
การเปลี่ยนแปลงไม่ควรเป็นสิ่งที่ทำให้คุณหวาดกลัวหรือเบื่อหน่าย แต่ควรเป็นสิ่งที่จุดประกายช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และนำคุณไปสู่เส้นทางที่มีเป้าหมายชีวิตที่มากกว่าเดิม