ในการเดินทางชีวิตของแต่ละคน ก็จะมีช่วงเวลาที่ได้เติบโตและก้าวไปข้างหน้า มีแรงผลักดัน และแรงกระตุ้นให้ชีวิตของเราไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด ทำให้เกิดแรงบันดาลใจเพื่อทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ
แต่มันก็มีบางช่วงเวลาที่ชีวิตของเราหยุดนิ่ง รู้สึกไม่มีแรงบันดาลใจ และไม่มีแรงผลักดัน คอยผัดวันประกันพรุ่งในการทำตามแผนที่เคยวางเอาไว้ออกไปเรื่อย ๆ บ่อยครั้งก็ออกนอกแผนไปเลย โดยที่ไม่กลับเข้ามาทำตามแผนเดิมอีก
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณกำลังอยู่ในภาวะเฉื่อยชานี้ สัญญาณต่าง ๆ ด้านล่างต่อไปนี้พอจะบอกกับคุณได้
- ถ้าคุณกำลังมีปัญหากับการผัดวันประกันพรุ่งเรื้อรัง การทำตามเป้าหมาย หรือแผนของตัวเอง
- ถ้าคุณไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรเลย
- ถ้าคุณเอาแต่นอนหลับ, กิน, เล่นเกม, ไม่สนใจกิจกรรมและความบันเทิงต่าง ๆ
- ถ้าคุณรู้ว่าควรจะทำอะไร แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะทำมัน
- ถ้าคุณไม่ได้มีการทำอะไรใหม่ ๆ หรือสิ่งที่สำคัญได้สำเร็จในเวลา 1 เดือน, 2 เดือนหรือ 3 เดือนที่ผ่านมา
- ถ้าคุณมีความรู้สึกลึก ๆ ว่า คุณกำลังใช้ชีวิตที่ต่ำกว่าศักยภาพของตัวเองอยู่
เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับความเฉื่อยชาในชีวิต สิ่งนี้ถือเป็นสัญญาณของปัญหาที่หนักขึ้น “ความเฉื่อยชา” ก็เหมือนกับการผัดวันประกันพรุ่งที่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหา ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องง่ายในการเอาชนะตัวเองเพื่อให้ผ่านปัญหานี้ไป เราจึงมี 5 ขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณหลุดออกจากความเฉื่อยชานี้ วิธีนี้อาจจะไม่ได้เปลี่ยนชีวิตของคุณได้ในข้ามคืน แต่ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีแรงผลักดันในการก้าวต่อไปและช่วยให้คุณกลับมามีเป้าหมายสู่เส้นทางที่วางเอาไว้ด้วย
1.อย่าลืมว่าคุณไม่ได้โดดเดี่ยว
ทุกคนต่างก็มีช่วงเวลาที่เจอกับความเฉื่อยชาในการใช้ชีวิตได้ คุณไม่ได้เจอกับเรื่องนี้อยู่คนเดียว และที่สำคัญเลยก็คือ มันเป็นเรื่องปกติ ที่จริงแล้วการเผชิญหน้ากับการผัดวันประกันพรุ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะมาจากคนละเส้นทางเดินหรือมีอายุที่ต่างกันก็ตาม การที่คุณรู้ว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวจะทำให้การเผชิญกับช่วงเวลาเฉื่อยชาในชีวิตเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการพยายามที่จะ “ต่อสู้กับมัน” คุณแค่ต่อสู้กับตัวเองเท่านั้น ยอมรับสถานการณ์นี้ ยอมรับเป็นความจริงและบอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถโฟกัสไปที่ขั้นตอนต่อไปที่อาจจะช่วยคุณได้จริง ๆ
2.ค้นหาว่าอะไรเป็นแรงบันดาลให้คุณ
ที่ความเฉื่อยชาเกิดขึ้นก็เพราะว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นพอที่จะให้คุณสนใจได้ ถ้าคุณไม่มีนิสัยชอบตั้งเป้าหมายและปล่อยให้แต่ละวันดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่คุณจะพบกับภาวะเฉื่อยชานี้ คำตอบของคำถามที่ว่า “คุณต้องการทำอะไร หากตัวคุณเองไม่มีข้อจำกัด?” “ถ้าคุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ สิ่งนั้นคืออะไร?” คำตอบที่คุณตอบออกมาจะเป็นแรงกระตุ้นให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้
ในทางกลับกัน หากคุณเคยมีประสบการณ์ในการตั้งเป้าหมายเอาไว้มาก่อน แต่ก็มีช่วงเวลาที่เป้าหมายที่คุณตั้งไว้ในอดีตนั้นหมดความน่าสนใจไป สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องปกติ บางครั้งการที่เราไม่อินกับเป้าหมายของเราแล้ว เนื่องมาจากอารมณ์ของเราที่เปลี่ยนไปต่างจากตอนที่เราตั้งเป้าหมายในครั้งแรก บางทีลำดับความสำคัญของเราเปลี่ยนไป และเราก็ไม่อยากทำตามเป้าหมายนี้อีกแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเราได้ผัดวันประกันพรุ่งเป้าหมายของเราออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันได้กลายเป็นปัญหาร้ายแรง หากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณ คงถึงเวลาแล้วที่คุณต้องกลับมามองหาเป้าหมายของตัวเองอีกครั้ง ทิ้งเป้าหมายเก่าของคุณไป แล้วถามตัวเองว่าคุณต้องการอะไรต่อจากนี้ จากนั้นก็ลงมือทำได้เลย
3.ให้ตัวเองได้หยุดพัก
ครั้งสุดท้ายที่คุณให้ตัวเองได้พักผ่อนจริง ๆ คือเมื่อไหร่? 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี หรือไม่เคยเลย บางทีคงถึงเวลาที่ต้องหยุดพักบ้างแล้วแหละ การทำงานเป็นเวลานานอาจเป็นสาเหตุให้บางคนกลายเป็นพวกผิดหวังได้เนื่องจากพวกเขาไม่เห็นว่าตัวเองเป็นใครและต้องการอะไร
วิธีแก้คือให้หาวันลาหยุดพักเพื่อออกห่างจากงานอย่างน้อย 2-3 วัน หรือลาหยุดสัก 2-3 อาทิตย์ ไปจนถึง 1 เดือน บางคนก็เลือกที่จะออกจากงานและใช้เวลาเป็นเดือน ๆ เพื่อทำ self-reflection (การสะท้อนตนเองหรือประเมินตัวเอง) ไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ และทิ้งชีวิตที่เกี่ยวกับงานไปสักพัก ใช้โอกาสนี้ปรับเปลี่ยนมุมมองในชีวิต คิดเกี่ยวกับเป้าหมายของการใช้ชีวิตว่าคุณต้องการอะไร และคุณต้องการสร้างชีวิตในอนาคตของตนเองให้เป็นแบบไหน คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ต้องใช้ความคิดอย่างลึกซึ้งในการค้นหาคำตอบ ไม่ใช่แค่หาคำตอบแล้วผ่านไป แต่มันจะเป็นการเริ่มต้นก้าวแรกที่เกิดจากคำตอบที่ได้รับต่างหาก
4.ปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณ
การอยู่ในสิ่งเเวดล้อมเดิม ๆ ทำอะไรเหมือนเดิมทุกครั้งและพบเจอกับคนเดิม ๆ อาจทำให้เรารู้สึกเฉื่อยชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนที่คุณใช้เวลาอยู่ด้วยส่วนใหญ่เป็นคนที่เฉื่อยชาอยู่แล้ว
ลองเปลี่ยนสิ่งต่างรอบตัว เริ่มต้นจากสิ่งง่าย ๆ อย่างเช่นเปลี่ยนเส้นทางไปทำงาน การทานอาหารเช้าที่ต่างจากเดิม การทานอาหารกลางวันกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่คุณไม่สนิท หรือไม่เคยคุยด้วย การทำงานในสถานที่ที่ต่างจากเดิมหากงานของคุณเป็นงานอิสระสามารถเปลี่ยนที่นั่งทำงานได้ ทำในสิ่งที่ต่างจากปกติในทุกวันตอนเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์ ปลูกฝังนิสัยที่ดีใหม่ให้แตกต่างจากเดิม อย่างเช่น ออกกำลังกายทุกวัน ฟัง podcasts ใหม่ ๆ ทุกเช้าก่อนไปทำงาน การอ่านหนังสือ และอีกมากมายที่คุณสามารถทำได้เพื่อเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณให้ต่างจากเดิมในทุก ๆ วัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีแรงกระตุ้นที่ต่างกันซึ่งจะกระตุ้นความคิดและการกระทำที่แตกต่างออกไปให้กับตัวคุณ
เมื่อคุณอยู่ในช่วงที่เฉื่อยชาของชีวิต คุณจะเกิดความรู้สึกว่าอะไรที่ทำให้คุณเฉื่อยชา ซึ่งบางครั้งอาจเป็นสิ่งแวดล้อมที่คุณอยู่ บางครั้งก็เป็นเพราะคนที่อยู่รอบตัวหรือคนที่คุณสนิท บางครั้งอาจเป็นที่ไลฟ์สไตล์ของคุณเอง ส่วนใหญ่แล้วก็อาจจะเป็นทั้งหมดนี้รวมกัน การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณก้าวออกจากโหมดเฉื่อยชาของตัวเองได้
5.เริ่มต้นด้วยก้าวเล็ก ๆ
ความเฉื่อยชาอาจมาจากการตกอยู่ในความกลัวได้ บางทีคุณอยากทำเป้าหมายบางอย่างให้สำเร็จแต่คุณก็ไม่ได้ลงมือทำ คุณมีงานจำนวนมากที่คุณต้องการทำแต่ยังไม่ได้ทำหรือเปล่า? คุณกลัวว่าจะทำมันผิดพลาดใช่หรือไม่? ความสมบูรณ์แบบในตัวคุณกำลังเข้าควบคุมและกำลังทำให้คุณหยุดชะงักใช่หรือไม่?
ปล่อยวางความเชื่อที่ว่าทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบทิ้งไป ความเชื่อแบบนี้ก่อให้เกิดความเสียหายและไม่เกิดประโยชน์เลย ให้เริ่มจากการเปิดเผยข้อผิดพลาดและยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อให้คุณก้าวไปข้างหน้า แยกแยะว่าอะไรคือสิ่งที่คุณสามารถทำได้ก่อนโดยเริ่มจากก้าวเล็ก ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวทีละก้าวไปเรื่อย ๆ มีกรณีตัวอย่างของคนที่มีช่วงเวลาที่หยุดนิ่งเป็นเวลานานเพราะเขากลัวที่จะล้มเหลว เขาไม่อยากทำอะไรที่จะทำให้ตัวเขาทำผิดพลาด ซึ่งการที่เขาไม่อยากทำพลาด ทำให้เขาไม่ได้ทำอะไรเลยเป็นเวลา 2-3 ปี ในทางกลับกัน แค่ลงมือทำบางอย่าง ก็ถือว่าคุณได้ก้าวไปข้างหน้าแล้วไม่ว่าจะมีข้อผิดพลาดหรือไม่ก็ตาม แม้ว่าคุณจะทำผิดพลาด คุณก็จะได้รับผลตอบรับจากการทำสิ่งที่แตกต่างในก้าวต่อไป นั่นเป็นสิ่งที่คุณจะไม่มีวันได้รู้เลยหากคุณไม่ได้ลงมือทำ
หากคุณกำลังเจอกับความเฉือยชาในการใช้ชีวิต ก็ลองนำขั้นตอนทั้ง 5 ข้อไปปรับใช้กันดู เพื่อที่คุณจะได้หลุดออกมาจากชีวิตที่กำลังหยุดนิ่งและเฉื่อยชา และกลับมามีชีวิตชีวาทำสิ่งที่เคยตั้งเป้าหมายเอาไว้ได้สำเร็จ
ข้อมูลจาก Celestine Chua (lifehack)