ใครที่ใช้รถยนต์รุ่นเก่าระบบหมุนกุญแจ ก็อาจจะเคยประสบปัญหารถยนต์สตาร์ทไม่ติด ซึ่งเราก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้ ก่อนที่จะโทรเรียกช่าง ก็ต้องแก้ปัญหาขั้นต้นด้วยการค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหรือไม่ก็โทรหาผู้รู้ (ถามพ่อนั่นแหละ) จนลองทำตามได้สำเร็จ เราก็เลยรวบรวมข้อมูลเอาไว้ เผื่อใครประสบปัญหาแบบเดียวกันก็ลองทำตามกันดู
1. พวงมาลัยล็อก สตารท์รถไม่ติด
หากคุณเพิ่งหัดขับรถใหม่ ๆ ก็อาจจะประสบปัญหาจอดรถแล้วล้อเบี้ยว เพิ่งเห็นตอนลงจากรถแล้ว อยากจะปรับให้ล้อตรง ก็เลยหมุนพวงมาลัยเพื่อปรับล้อตอนดับเครื่องไปแล้ว (ไม่ใช่จักรยานนะ เห้ย!!) แต่..พวงมาลัยดันล็อก T_T ใจเย็น ๆ ลองทำตามนี้เลย
วิธีแก้: ลองขยับพวงมาลัยไปมานิดหน่อย พร้อมกับบิดกุญแจ
2. บิดกุญแจแล้วไม่ได้ยินเสียง
หากสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วไม่ได้ยินเสียงมอเตอร์สตาร์ท แต่แผงควบคุมหน้ารถยนต์ก็ขึ้นปกติ (หรือที่เพิ่มมาก็มีแค่พวกสัญลักษณ์แบตฯ หม้อน้ำ) สำหรับเกียร์ออโต้ ให้ลองเช็คว่าเกียร์รถยนต์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ที่เกียร์ P หรือ เกียร์ N ปกติหรือไม่ (ซึ่งในกรณีนี้รถบางรุ่นสามารถดับเครื่องและดึงกุญแจออกได้) และถ้าพบว่าเกียร์ของเราอยู่ในตำแหน่ง P หรือ N แต่ก็ยังประสบปัญหานี้อยู่ ลองแก้ตามนี้
วิธีแก้: ดับเครื่องก่อน ลองเปลี่ยนเกียร์มาที่เกียร์ N เปลี่ยนกลับไปที่เกียร์ P (ทำแบบนี้สัก 2 รอบ) แล้วลองสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง หรือดันไปที่เกียร์ P ค้างไว้พร้อมสตาร์ท เป็นไปได้ว่าตำแหน่งของคันเกียร์เริ่มหลวม ทำให้เราอาจจะผลักเกียร์ไม่สนิทดี ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด
3. บิดกุญแจแล้วมีเสียงแชะ
อยู่ดี ๆ รถก็สตาร์ทไม่ติด มีเสียงแชะลากยาว กว่าจะสตาร์ทติด หรือหนักเข้าสตาร์ทรถแล้วมีแค่เสียงแชะเดียว แล้วก็เงียบไป ลองทำตามนี้เลย
วิธีแก้: หากระบบไฟในรถยังใช้ได้ทุกอย่าง หรือไฟในรถติดแต่ไม่สว่างเท่าที่ควร ลองขยับหรือขันขั้วแบตฯ ให้แน่นยิ่งขึ้นให้แน่น เพราะขั้วแบตอาจจะหลวม แล้วลองสตาร์ทดู ซึ่งถ้ายังสตาร์ทไม่ติดอยู่ (แต่ระบบทุกอย่างยังมีความปกติ) นั่นอาจหมายถึงแบตเตอรี่หมดหรือเสื่อมสภาพ
ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ให้ลองพ่วงแบตจากรถอีกคัน โดยดับเครื่องยนต์ทั้งหมด ทั้งรถที่มาช่วยเรา และรถของเรา หนีบขั้วบวกเข้ากับขั้วแบตฯ รถคันที่ดับ แล้วนำด้านปลายสายขั้วบวกอีกข้างไปต่อกับรถยนต์ที่มาช่วยเหลือ จากนั้นให้หนีบสายขั้วลบเข้ากับรถที่มาช่วยเหลือ แล้วนำปลายสายขั้วลบอีกข้างมาหนีบกับรถที่แบตฯ หมด ต่อมาให้สตาร์ทรถของคันที่มาช่วยทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วจึงลองสตาร์ทรถคันที่แบตฯ หมด เมื่อรถของเราสตาร์ทติดแล้วทีนี้ก็ให้ขับตรงไปที่ศูนย์รถยนต์เลย อย่าดับเครื่องนะ เพราะถ้าดับแล้วมีโอกาสสูงมากที่มันจะสตาร์ทไม่ติด
4. รถสตาร์ทติดยาก แม้ว่าเกียร์จะอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว
สตาร์ทรถติดยากมากกกกก สตาร์ทหลายรอบแล้วไม่ติด พอทิ้งไว้สักพักกลับสตาร์ทติดได้เป็นปกติซะนี่ เริ่มระแวงแล้ว ขับ ๆ ไปจะเกิดปัญหาอะไรไหมน้อ?
วิธีแก้: หากเจอปัญหานี้ลองแก้ปัญหาด้วยการทิ้งมันไว้สักพักแล้วคอยลองสตาร์ทดู หากยังไม่ติดลองบิดกุญแจสตาร์ทรถรวดเดียวแบบเร็ว ๆ สัก 2-3 ครั้ง หรือวิธีสุดท้ายคือลองหาไม้มาเคาะที่ตัวมอเตอร์สตาร์ท (หรือที่เรียกกันว่า ไดสตาร์ทนั่นแหละ) เบา ๆ สัก 2-3 ครั้งเผื่อว่าจะมีอะไรติดอยู่ แต่อย่าเคาะโดนอุปกรณ์อื่น ๆ ล่ะ แล้วลองสตาร์ทรถอีกครั้ง
5. ขับ ๆ อยู่ รถดับเองกลางอากาศ
ขับ ๆ รถอยู่รถมักดับเองเวลาที่รถวิ่งรอบต่ำ หรือบางครั้งรถก็ดับเองกลางอากาศ มีความเป็นไปได้สูงเลยว่าไดชาร์จอาจเสื่อม
วิธีแก้: ลองแก้ปัญหาด้วยการพ่วงแบตเตอรี่เข้ากับรถยนต์คันอื่น ตามที่ได้บอกวิธีพ่วงแบตฯ ไปในข้อ 3
ก่อนที่จะโทรเรียกช่าง เรียกรถลาก ก็ลองทำตามวิธีการข้างต้นนี้กันดูก่อนเนอะ อย่างน้อยวิธีเหล่านี้ก็ช่วยเราแก้ปัญหาเบื้องต้นได้เยอะเลย และหวังว่ามันก็น่าจะช่วยเหลือคนอื่นที่กำลังหาข้อมูล และต้องเผชิญกับปัญหารถสตาร์ทไม่ติดตามลำพังได้ไม่มากก็น้อย (ทำไมดูเศร้า) ยังไงก็ลองทำตามกันดูนะ 😀
I like to stay at home, writing random stuff and watching series. I enjoy learning new things and exploring new ideas.