The Fates หรือที่รู้จักกันในชื่อมอยราย (Moirai) ในตำนานเทพเจ้ากรีก เป็นเทพธิดาพี่น้องสามองค์ที่มีหน้าที่กำหนดชะตากรรมให้กับมนุษย์ ตั้งแต่เกิดจนสิ้นอายุขัย ด้ายสีทองที่พวกเธอปั่นนั้นเป็นตัวแทนของชะตากรรมของแต่ละคน และเมื่อด้ายขาด ก็หมายถึงการสิ้นสุดของชีวิตมนุษย์
ต้นกำเนิดของสามพี่น้องแห่งโชคชะตา
ต้นกำเนิดของสามพี่น้องแห่งโชคชะตามีหลายแหล่งที่มา โดย เฮซิโอด (Hesiod) ได้เขียนธีโอโกนี (theogony) หรือพงศาวดารเฮซิโอดว่า The Fates เป็นลูกสาวกำพร้าพ่อของนิกซ์ (Nyx) เทพีแห่งราตรี
บางตำนานกล่าวว่า The Fates เป็นลูกสาวของเทพซูส (Zeus) และเทพีทีมิส (Themis) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องกฎเกณฑ์และความยุติธรรม เชื่อกันว่าถูกเขียนขึ้นหลังสมัยของเฮซิโอดอาจมีนักเขียนที่ไม่ปรากฏชื่อเขียนเพิ่มเติมเพื่อนำไปแปลเป็น Catalogue of Women หรือ Ehoiai ที่รวมรายชื่อเทพีและมหากาพย์กรีกที่ยังไม่สมบูรณ์ของเฮซิโอด
แม้ว่าซูสจะถูกกล่าวว่าเป็นบิดาของ The Fates และเรียกถูกเรียกว่า “ผู้นำแห่งโชคชะตา” แต่บรรดานักเขียนโบราณบางคน อย่างเฮโรโดตุส (Herodotus) (ประมาณ 484-425/413 ปีก่อนคริสตกาล) และเพลโต (Plato) (ประมาณ 428/427-348/347 ปีก่อนคริสตกาล) กลับไม่ถือว่าคำกล่าวอ้างนี้เป็นเรื่องจริงจัง
เรื่องราวของสามพี่น้องแห่งโชคชะตา มักถูกเล่าอยู่ในอนิเมชันและซีรีส์หลาย ๆ เรื่อง มอยรายสามพี่น้อง ได้แก่ น้องคนเล็ก โคลโธ (Clotho) คนที่สอง ลาเคซิส (Lachesis) และพี่คนโต อโทรพอส (Atropos) โดยทั้งสามจะมีหน้าที่แตกต่างกันไป
- โคลโธ (Clotho) หมายถึง ผู้ปั่นด้าย ทำหน้าที่เป็นผู้ปั่นด้ายแห่งชีวิต
- ลาเคซิส (Lachesis) หมายถึง ผู้ทอเส้นด้าย ทำหน้าที่เป็นผู้วัดความยาวของเส้นด้ายให้กับทุกช่วงวัยในชีวิตของทุกคน
- อโทรพอส (Atropos) หมายถึง ผู้ที่ไม่สามารถหวนกลับ หรือนัยหนึ่งหมายถึง สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นอุปมาของความตาย ทำหน้าที่ตัดเส้นด้ายเมื่อมนุษย์ชะตาขาด
ตั้งแต่มนุษย์ทุกคนเกิดมา มอยรายก็ปั่นด้ายแห่งชีวิตของมนุษย์ให้ดำเนินชีวิตตามย่างก้าวของแต่ละคน และกำหนดผลที่ตามมาจากการกระทำของคนเหล่านั้น บทบาทของมอยรายคือเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดดำเนินชีวิตตามชะตากรรมของตนตามที่กฎแห่งจักรวาลมอบหมายให้พวกเขา
พลังของสามพี่น้องมอยรายควบคุมชะตาชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด รวมถึงเทพเจ้าตั้งแต่เกิดจนตาย และด้วยเหตุนี้ พลังของพวกเธอจึงเป็นที่เกรงกลัวของเหล่าทวยเทพ เนื่องจากพลังของทั้งสามพี่น้องจะไม่ขึ้นตรงกับใคร ดังที่เห็นได้จากตำนานหรือเรื่องเล่าหลาย ๆ เรื่อง
นอกจากนี้พวกเธอยังมีอำนาจเหนือชะตากรรมของเหล่าทวยเทพอีกด้วย ตราบใดที่ซูสเป็นเทพเจ้าที่สำคัญที่สุดและเป็นหัวหน้าของโอลิมปัส มอยรายหรือ The Fates ก็มีอำนาจเหนือเทพเจ้า แม้แต่ซูสก็ด้วย พระเจ้าองค์เดียวที่พวกเธอเคารพนับถือที่สุดคืออพอลโล เทพเจ้าแห่งคำทำนายที่มีอำนาจและมีอิทธิพลต่อชะตากรรมของผู้คนเช่นกัน
ตำนานที่คล้ายกันของชาวยุโรปตอนเหนือ
ตำนานของคณะเทวีนอร์น (Norns) เป็นเทวีสามพี่น้องที่กำหนดชะตาชีวิตเช่นเดียวกับมอยราย เทวีนอร์นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล มากกว่าเทพเจ้าเสียอีก เนื่องจากเทพเจ้าต้องอยู่ภายใต้ชะตากรรมเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
ตามคำอธิบายเกี่ยวกับนอร์นในบทกวี Fáfnismál ของนอร์สโบราณ นอร์นมีอยู่มากมาย แต่ไม่มีใครรู้จำนวนที่แน่ชัด บางส่วนมาจากเทพเจ้า บางส่วนมาจากเอลฟ์ และบางส่วนมาจากคนแคระ อย่างไรก็ตาม บทกวี Völuspá มีคำอธิบายที่ยิ่งใหญ่กว่าเกี่ยวกับนอร์นอีกบทหนึ่ง ซึ่งกล่าวว่า นอร์นเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับ มีสามพี่น้องเช่นเดียวกับเรื่องเล่าของมอยราย ชื่อของพวกเธอก็บ่งบอกถึงความสามารถในการสร้างเวลาด้วย ได้แก่
- อูร์ด (Urd) เทวีแห่งอดีตกาล ในภาษานอร์สโบราณ Urðr หมายถึง “อดีต” ซึ่งเป็นคำทั่วไปสำหรับโชคชะตาในตัวมันเอง
- แวร์ดันดิ (Verdandi) เทวีแห่งปัจจุบันกาล Verðandi ในภาษานอร์สโบราณ หมายถึง “สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน”
- สกูลด์ (Skuld) เทวีแห่งอนาคตกาล Skuld ในภาษานอร์สโบราณ หมายถึง “สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
เทวีทั้งสามอาศัยอยู่ในห้องโถงใกล้บ่อน้ำ Urðarbrunnr ซึ่งเป็นบ่อน้ำแห่งโชคชะตา ใต้ต้นไม้แห่งโลกอิกดราซิล (Yggdrasil) ต้นไม้ทรงพลังที่เป็นศูนย์กลางของโลกอื่นของนอร์ส ซึ่งบรรจุโลกทั้งเก้าไว้ในกิ่งก้านและรากของมัน
ไม่มีหลักฐานว่าเคยมีการบูชานอร์น การที่คน ๆ หนึ่งคร่ำครวญถึงชะตากรรมของตนเองเป็นองค์ประกอบที่พบได้ทั่วไปในวรรณกรรมนอร์สโบราณ และวรรณกรรมเจอร์แมนิกโบราณและยุคกลางโดยทั่วไป ในมุมมองของชาวนอร์ส ชะตากรรมเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งที่เหลืออยู่คือคุณเป็นผู้ตัดสินใจว่าคุณจะรับมือกับชะตากรรมนั้นอย่างไร
Links to related Sites: - Norn, britannica - Fates, worldhistory - THE NORNS, norse-mythology
I like to stay at home, writing random stuff and watching series. I enjoy learning new things and exploring new ideas.