หลายคนใช้แผ่นใยขัดและฟองน้ำเพื่อล้างจานขจัดคราบสิ่งสกปรก แต่จากการศึกษาในประเทศนอร์เวย์พบว่า แผ่นใยขัดในครัวมักอยู่ในสภาพเปียก และสะสมไปด้วยเศษอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเชื่อแบคทีเรียจำนวนมาก ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกท่านอื่น ๆ กล่าวว่าจะดีกว่ามั้ยหากทิ้งแผ่นใยขัดและฟองน้ำไปซะแล้วใช้แปรงล้างจานแทน
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์โดยสถาบันวิจัยอาหารแห่งนอร์เวย์ใน Journal of Applied Microbiology โดยนักวิจัย Trond Møretrø ชี้ให้เห็นว่าแผ่นใยขัดเพียงแผ่นเดียวสามารถกักเก็บแบคทีเรียได้มากกว่าจำนวนคนบนโลกใบนี้ เนื่องจากฟองน้ำและใยขัดมักชื้นอยู่เสมอและเป็นแหล่งสะสมเศษอาหารที่อาจมีแบคทีเรียมากกว่าในห้องน้ำ แต่คนส่วนใหญ่นำมาใช้ล้างจาน และจากสถิติการวิจัยที่ผ่านมาพบว่า ฟองน้ำล้างจานสามารถบรรจุแบคทีเรียได้ถึง 54 พันล้านตัวต่อลูกบาศก์เซนติเมตรเลยทีเดียว
นอกจากนี้เขายังชี้ให้เห็นว่าแม้แบคทีเรียจำนวนมากเหล่านี้จะไม่เป็นอันตราย แต่แบคทีเรียบางชนิดอย่างเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) สามารถแพร่กระจายจากฟองน้ำไปยังมือมนุษย์หรือพื้นผิวและอุปกรณ์ในห้องครัว ก็อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้เมื่อไปสัมผัสมัน เขาอธิบายว่าเชื้อซาลโมเนลลาและแบคทีเรียอื่น ๆ สามารถดำรงชีวิตและเติบโตอยู่ในฟองน้ำได้ง่าย เนื่องจากการใช้แผ่นใยขัดและฟองน้ำในแต่ละวันนั้นแทบจะไม่เคยอยู่ในสภาพที่แห้งสนิท สภาพแวดล้อมที่ชื้นภายในแผ่นใยขัดและฟองน้ำจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียนั่นเอง
Trond Møretrø ยังบอกอีกว่าหากเรายืนยันที่จะใช้ใยขัดฟองน้ำล้างจานต่อไป วิธีเดียวที่จะรับรองความปลอดภัยและสุขอนามัยคือต้องเปลี่ยนฟองน้ำทุกวัน ซึ่งข้อเสียของการเปลี่ยนฟองน้ำคือมีราคาแพงและยังเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
เช่นเดียวกับ Markus Egert นักจุลชีววิทยาและทีมของเขาจากมหาวิทยาลัย Furtwangen ประเทศเยอรมนี ได้ทำการวิจัยที่คล้ายคลึงกัน แต่เจาะจงไปถึงแบคทีเรียที่แตกต่างกันถึง 362 สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในแผ่นใยขัดและฟองน้ำ นอกจากนี้เขายังพบปริมาณจุลินทรีย์หนาแน่นอยู่ในพื้นที่ใกล้กับที่วางฟองน้ำ เป็นแบคทีเรียประมาณ 82 พันล้านตัวอาศัยอยู่ในพื้นที่แค่เพียงลูกบาศก์นิ้ว ซึ่งนั่นคือความหนาแน่นของแบคทีเรียที่สามารถพบได้ในตัวอย่างอุจจาระของมนุษย์ และคงไม่มีสถานที่ใดในโลกที่มีแบคทีเรียหนาแน่นเช่นนี้
โดย Dr. Egert กล่าวว่าฟองน้ำดึงดูดแบคทีเรียมาทางอาหาร ผิวหนัง หรือพื้นผิวอื่น ๆ ที่มีสภาพความเป็นอยู่ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นพื้นที่เปียกชื้น และอุดมด้วยสารอาหารมากมายเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของเหล่าจุลินทรีย์ อีกทั้งยังมีจุลินทรีย์ที่เรียกว่า Moraxella osloensis ที่แพร่หลายในธรรมชาติและอาศัยอยู่บนผิวหนังมนุษย์ สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ แม้ว่าความเสี่ยงที่เกิดจากแบคทีเรียในฟองน้ำจะประเมินได้ยากก็ตาม
นอกจากนี้จุลินทรีย์ชนิดนี้ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟองน้ำของคุณมีกลิ่นเหม็นออกมาในที่สุด ซึ่งกลิ่นเป็นสารประกอบที่เกิดจากการเผาผลาญของแบคทีเรียที่กินไขมันและขับไขมันออกมา ซึ่งเป็นไขมันประเภทเดียวกับในอุจจาระที่ส่งกลิ่นเหม็นนั่นเอง
Dr. Egert แนะนำว่าควรใช้แปรงล้างจานแทนแผ่นใยขัดและฟองน้ำ เนื่องจากแปรงแห้งเร็วกว่า อีกทั้งยังสามารถขจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ทำให้จำนวนแบคทีเรียในแปรงล้างจานต่ำกว่าฟองน้ำ นอกจากนี้แปรงล้างจานส่วนใหญ่มีที่จับป้องกันไม่ให้มือของผู้ใช้สัมผัสแบคทีเรียที่อาจเป็นอันตรายโดยตรงอีกด้วย
แม้แต่กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าการนำฟองน้ำสำหรับห้องครัวไปทำความสะอาดด้วยการนำเข้าไมโครเวฟหรือนำไปล้างทำความสะอาดในน้ำร้อนสามารถลดปริมาณแบคทีเรียบางส่วน แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะลดการติดเชื้อได้ หากต้องการใช้มันจริง ๆ แนะนำให้เปลี่ยนฟองน้ำและแผ่นใยขัดบ่อย ๆ แทน
แม้ว่าพวกเราอยากจะประหยัดด้วยการใช้แผ่นใยและฟองน้ำซ้ำ ๆ หรือพยายามทำความสะอาดฟองน้ำที่เริ่มมีกลิ่นเหม็น แต่อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องทิ้งมันไป หรืออย่างดีที่สุดก็ให้เปลี่ยนอันใหม่ทุกสัปดาห์ เหล่านักวิจัยกล่าวตรงกันว่าการหาวิธีทำความสะอาดอาจทำให้เกิดแบคทีเรียที่อาจเกิดโรคมากขึ้นไปอีก แต่ถ้าคุณไม่อยากทิ้งฟองน้ำที่คุณคิดว่ายังใช้ได้มากขนาดนั้นล่ะก็ ให้เปิดเครื่องซักผ้าปั่นและอบผ้าให้ร้อนที่สุดโดยใช้ผงซักฟอกและสารฟอกขาวเป็นตัวช่วย จากนั้นก็ให้นำไปใช้ที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องครัว ในที่ ๆ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องสุขอนามัยแทน
I like to stay at home, writing random stuff and watching series. I enjoy learning new things and exploring new ideas.