อนิเมชันจาก Studio Ghibli เป็นหนึ่งในอนิเมะที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยลายเส้นสไตล์ Ghibli ที่ให้ความรู้สึกสบายตา แม้ว่าตอนจบของอนิเมชันหลาย ๆ เรื่องจากสตูดิโอนี้มักจะตัดจบแบบห้วน ๆ อาจจะด้วยเพราะความที่เป็นหนังอนิเมะชั่วโมงนิด ๆ จบ ไม่ใช่ซีรีส์ภาคต่อ ซึ่งมักถ่ายทอดเรื่องราวที่ดูแล้วต้องคิดตาม หรือไม่ก็ชวนให้คนดูได้คิดทบทวนตัวเอง นอกจากนี้ Studio Ghibli หลาย ๆ เรื่องยังแฝงประเด็นแง่คิดต่าง ๆ ทั้งวัฒนธรรม สังคม ธรรมชาติ เชิงปรัชญาเอาไว้ในการ์ตูนได้อย่างแนบเนียน
ซึ่งอนิเมชันจากสตูดิโอจิบลิจาก 11 เรื่อง ในทั้งหมด 21 เรื่อง ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ ล้วนเป็นเรื่องที่เราดูแล้วประทับใจจึงอยากนำมาบอกเล่าให้คนที่ยังไม่เคยดูได้ลองดูอนิเมะจากค่ายนี้กันดู ภาพสวยดูเพลินมาก ๆ ><
*** Spoiler alert ::: เนื้อหาด้านล่างมีสปอยนิดหน่อยนะ ***
1.My Neighbor Totoro (1988)
จากการกำกับและเขียนบทโดย Hayao Miyazaki ว่าด้วยเรื่องของ ซาสึกิ (Satsuki) และ เม (Mei) สองพี่น้องต้องเล่นกันตามลำพังในบ้านหลังเก่าที่พ่อเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เพื่อที่จะได้ดูแลแม่ที่ป่วยอยู่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ ๆ แต่แล้วเมก็เห็นฝุ่นประหลาดมีชีวิตสีเทา ตัวใหญ่ ขี้เซาโดยบังเอิญ เจ้าฝุ่นนี้มีชื่อว่า โทโทโระ เจ้าฝุ่นปะหลาดนี้ได้กลายเป็นเพื่อน (ที่ไม่มีใครมองเห็น) ทั้งสองคนได้พบเจอเรื่องราวที่มหัศจรรย์มากมายเวลาที่อยู่กับโทโทโระ ทั้งการท่องเที่ยวไปในท้องฟ้ายามกลางคืน การปลูกต้นไม้ด้วยพลังวิเศษ หรือแม้แต่ตอนที่น้องสาวหายไปเพราะน้องต้องการเอาข้าวโพดไปเยี่ยมแม่ โทโทโระก็เรียกรสบัสแมวเหมียวให้ช่วยพาซาสึกิไปเจอน้องสาว และพาทั้งสองนำข้าวโพดไปเยี่ยมแม่ได้สำเร็จ
แม้ว่าในอนิเมะ My Neighbor Totoro จะจบอย่างมีความสุข แต่แท้จริงแล้วที่มาบางอย่างของอนิเมชันเรื่องก็มาจากเรื่องจริงเกี่ยวกับคุณแม่ของอ.มิยาซากิที่ในชีวิตจริงที่ป่วยด้วยโรคกระดูกสันหลังอักเสบจากวัณโรคต้องนอนรักษาตัวนานหลายปี นอกจากนี้นักวิจารณ์หนังหลายคนตั้งข้อสังเกตมากมายเกี่ยวกับอนิเมชันเรื่องนี้ว่ามีบางส่วนที่ค่อนข้างดาร์ก อย่างเช่น ที่เมืองซายามะ ประเทศญี่ปุ่น เคยมีคดีเก่าแก่ที่กลายเป็นเรื่องเล่าต่อ ๆ กัน ถึงเด็กหญิงสองพี่น้องที่เสียชีวิต จากการที่พวกเขาเห็นวิญญาณแมว ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจฆ่าตัวตายในเดือนพฤษภาคม ซึ่งตรงกับชื่อเล่นของ Satsuki และ Mei ที่ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าเดือนพฤษภาคมเช่นกัน นอกจากนี้โทโทโระยังเปรียบเสมือนภูติแห่งความตาย การที่สองพี่น้องได้เจอกับโทโรโระก็แปลว่าใกล้สู่ความตาย อนึ่ง สังเกตได้จากเงาของตัวละครในเรื่องที่เน้นถ่ายเงาของสองพี่น้องในตอนต้นและตอนท้ายเรื่องเช่นกัน แม้ว่าเบื้องหลังจะน่าเศร้าเพียงใด แต่ก็ถูกถ่ายทอดผ่านอนิเมะได้อย่างสวยงามตามที่เด็กทั้งสองคนสมควรได้รับ
2.Kiki’s Delivery Service (1989)
ผลงานอนิเมชันเรื่องที่ 3 จากการกำกับและเขียนบทโดย Hayao Miyazaki เป็นเรื่องราวของ กิกิ (Kiki) แม่มดน้อยวัย 13 ปีที่ต้องออกเดินทางจากบ้านไปพร้อมกับแมวคู่ใจ จิจิ (Jiji) เพื่อฝึกตนตามขนบทำเนียมของเหล่าแม่มด เธอเดินทางด้วยการขี่ไม้กวาดตามหาเมืองที่ถูกใจและไม่มีแม่มดอื่นอยู่ ในที่สุดเธอก็เจอเมืองใหญ่โตริมทะเลตามแบบที่เธอชอบ การย้ายเมืองมาอยู่ที่ใหม่ทำให้กิกิต้องปรับตัวหลายอย่าง เธอได้อาศัยอยู่กับคนทำขนมปัง และได้นำความสามารถในการขี่ไม้กวาดที่เธอมีอยู่มารับจ้างส่งขนมปังและของอื่น ๆ ให้กับแขกที่มาใช้บริการ แม้ว่าเธอจะพบกับอุปสรรคมากมายจากการเผชิญโลกเพียงลำพัง ให้เธอได้เรียนรู้และแก้ปัญหา เพื่อให้เธอกลายเป็นแม่มดโดยสมบูรณ์
แม้ว่าในหลาย ๆ ครั้งกิกิจะเผชิญกับเรื่องวุ่น ๆ อยู่บ้าง แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงความมีน้ำใจของกิกิทำให้ชาวเมืองรวมถึงคนดูตกหลุมรักตัวละครกิกิโดยไม่รู้ตัว มีหลายฉากที่ทำให้เรารู้สึกอินและรับรู้ถึงความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวของกิกิ เมื่อกิกิเริ่มมีเพื่อนเธอกลับรู้สึกโดดเดี่ยวและเข้ากับเพื่อนไม่ได้ เมื่อเพื่อนใหม่ของเธอเป็นเพื่อนกับคนที่เธอไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไร เพื่อนแมวจิจิที่เคยพูดได้ก็พูดไม่ได้เหมือนที่เคย หรือแม้แต่ตอนที่กิกิสูญเสียพลังวิเศษทำให้ไม่สามารถขี่ไม้กวาดได้แบบเดิม การสูญเสียความมั่นใจในหลาย ๆ เรื่องของกิกิไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสามารถ การแต่งตัว (จากตอนที่เธอถามแม่ในตอนต้นเรื่อง และโอโซโนะ หญิงท้องแก่เจ้าของร้านขนมปังถึงความไม่มั่นใจในชุดสีดำที่เธอคิดเอาเองว่ามันไม่สวย) การได้รับความอบอุ่น (จากเพื่อนจิตรกรและคุณยายที่เธอไปส่งขนมปังให้) แบบที่ใคร ๆ ก็โหยหาทำให้คนดูเข้าถึงตัวละครกิกิได้ไม่ยากเลยล่ะ
3.Only Yesterday (1991)
เรื่องราวของ ทาเอโกะ (Taeko) สาวออฟฟิศวัย 27 ปี เธอเกิดและเติบโตในเมืองหลวง ทำให้เธอรู้สึกหลงรักวิถีชีวิตชนบท ที่แม้แต่ตอนเด็ก ๆ เธอก็ไม่เคยมีช่วงเวลาที่ปิดเทอมได้กลับบ้านต่างจังหวัดแบบเพื่อน ๆ เมื่อเธอโตเป็นผู้ใหญ่เธอได้ลองไปช่วยงานเกษตรพี่เขยเพียงชั่วคราว ทำให้เธอตัดสินใจลางาน 10 วัน เพื่อเดินทางไปใช้ชีวิตเป็นเกษตรกรในยามางาตะ ซึ่งคนดูก็จะได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำงานเกษตรไปพร้อม ๆ กับทาเอโกะด้วย ในขณะเดียวกันก็ทำให้เธอหวนนึกถึงเรื่องราวสมัยประถมห้าของตัวเธอเอง ทั้งเรื่องความรัก เพื่อน ครอบครัว โดยที่เนื้อเรื่องจะตัดสลับระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และการเดินทางมาใช้ชีวิตเป็นเกษตรกรในครั้งนี้ทำให้เธอได้เจอกับความรักกับ โทชิโอะ (Toshio) ชายหนุ่มผู้ลาออกจากงานประจำกลับมาทำงานเกษตรและใช้ชีวิตที่บ้านในชนบท
การดำเนินเรื่องผ่านตัวละครที่ถือว่าเป็นนางเอกที่อายุเยอะที่สุดของ Studio Ghibli อาจทำให้คนที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วัยทำงานได้ไม่กี่ปีน่าจะอินกับอนิเมะเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย บางครั้งก็อาจจะมีช่วงเวลาที่กำลังค้นหาตัวเอง ได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงในชีวิต รวมถึงบางครั้งก็มีบางช่วงเวลาที่โหยหาอดีต มีทั้งความสุขและเศร้า ทั้งเรื่องที่เคยผิดหวัง ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เรื่องที่เธอไม่เก่งวิชาเลข การได้สนุกกับเพื่อน ๆ ในวัยเด็ก ความรักแบบ poppy love ความเข้มงวดของครอบครัวเธอ ที่ก็สื่อถึงความเข้มงวดของครอบครัวญี่ปุ่นในสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี หรือแม้แต่การมีประจำเดือนครั้งแรกของสาว ๆ การเรียนรู้ที่จะปรับตัวในตอนเด็กและในปัจจุบันเมื่อเธอได้มาใช้ชีวิตในชนบท เรื่องราวเหล่านี้แหละที่อาจทำให้ใคร ๆ หลาย ๆ คนที่ดูเรื่องนี้หวนนึกถึงช่วงเวลาที่เกิดขึ้นในวัยเด็กของตัวเองก็เป็นได้
ปล. มีเพลง Hyoccori Hyo Tan Jima ของ Morning Musume ประกอบในเรื่องนี้ด้วยอ่า แถมบางฉากยังมีชื่อสมาชิกในวงบางคนด้วย คุณ Isao Takahata คนเขียนบทเรื่องนี้ต้องชอบวงนี้แน่เลย~
4.Whisper of the Heart (1995)
อนิเมะที่บอกเล่าถึงเรื่องราวความรัก และความฝัน ของเด็กสาวมัธยมต้น ชิซึคุ สึกิชิมะ (Shizuku Tsukishima) เด็กสาวผู้รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อพ่อของเธอบอกว่าหอสมุดกำลังเปลี่ยนระบบการยืมหนังสือจากที่เคยใช้บัตรเป็นระบบบาร์โคด ทำให้เธอนึกหยิบบัตรรายชื่อยืมคืนหนังสือมาดู เธอรู้สึกแปลกใจที่หนังสือทุกเล่มที่เธอเคยอ่านจะมีชื่อของ เซย์จิ อามาซาว่า (Seiji Amasawa) ยืมไปก่อนหน้าเธอทุกครั้ง เธอเฝ้าหาชายในจินตนาการคนนี้ว่าจะต้องเป็นคนที่ฉลาดและสุขุม วันหนึ่งในขณะที่เธอไปส่งปิ่นโตให้คุณพ่อที่หอสมุด เธอเจอกับแมวอ้วนตัวหนึ่งจึงตัดสินใจเดินตามแมวไปเจอร้านขายของเก่าที่มีคุณตาใจดีเป็นเจ้าของทำให้เธอพบเจอกับรูปสลักแมวบารอน (Baron Humbert Von Jikkingen) ที่แสนงดงาม ในขณะเดียวกันเธอก็ได้เจอกับหลานชายของคุณตาที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไร แต่เมื่อได้คุยกันก็ได้รู้ว่าเขามีความฝันอยากเป็นนักไวโอลีน อีกทั้งเขายังมีชื่อว่า เซย์จิ อามาซาว่า คนที่เธอตามหา และเขากำลังจะได้เริ่มทำตามความฝันด้วยการไปฝึกงานที่ต่างประเทศ 2 เดือน
นอกจากนี้เซย์จิยังบอกกับเธอว่าเขาพยายามอ่านหนังสือในหอสมุดก่อนเธอเพื่อให้มีชื่อของเขาอยู่ในใบยืมคืนหนังสือ เผื่อว่าชิซึคุจะสังเกตเห็น ชิซึคุเริ่มกลับมามองตัวเองว่าในขณะที่เซย์จิกำลังได้ทำตามความฝันเธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอจึงเริ่มเขียนนิยายเกี่ยวกับรูปปั้นแมวบารอนที่เธอเจอที่ร้านของคุณตา แม้ว่าเธอจะเขียนนิยายออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ตั้งใจไว้ และพบว่ามันยากกว่าที่คิด เช่นเดียวกับเมื่อตอนที่เซย์จิเริ่มเล่นไวโอลีนครั้งแรก ที่ต้องผ่านการฝึกฝนเพื่อให้กลายเป็นคนที่เก่งขึ้น แต่ถึงอย่างไรชิซึคุก็ไม่อาจฝืนบรรทัดฐานทางสังคมทำตามสิ่งที่เธอตั้งใจเอาไว้ได้ทั้งหมด เธอต้องกลับไปตั้งใจเรียน เพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ความมุ่งมั่นและความต้องการที่จะยืนให้ได้ด้วยตัวเอง ไม่พึ่งพาใครได้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านตัวเด็กสาวชิซึคุได้อย่างยอดเยี่ยม
5.Princess Mononoke (1997)
ภาพยนตร์ย้อนยุคซึ่งมีฉากอยู่ในปลายยุคมุโระมะจิของญี่ปุ่น เรื่องราวของ อะชิตะกะ (Ashitaka) เจ้าชายที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพลังธรรมชาติ เขาได้ต่อสู้กับปีศาจหมูป่ายักษ์เพื่อปกป้องหมูบ้าน จากการต่อสู้เขาได้ฆ่าหมูป่าและได้รับบาดเจ็บที่แขนขวา ทำให้เขาต้องออกเดินทางเพื่อหาทางแก้คำสาป เพื่อให้เทพสูงสุดแห่งพงไพรช่วยแก้คำสาปให้ เขาเดินทางผ่านหมู่บ้านซามูไร และเพื่อป้องกันตัวเองเขาจึงใช้ธนูเพื่อป้องกันตัวเอง แต่แขนต้องคำสาปของเขากลับแสดงพลังเหนือธรรมชาติด้วยการตัดแขน ขา และศีรษะของมนุษย์ได้ เมื่อเดินทางไปยังเมืองถัดไปเขาได้พบกับนักบวชพเนจร และได้พบเมืองโลหะนครที่คนในเมืองมักตัดไม้มาผลิตเหล็กและปืนไฟ สร้างความเดือดร้อนให้สัตว์ป่า จึงเป็นสาเหตุทำให้ชาวเมืองโลหะนครกับสัตว์ป่าต้องต่อสู้กัน ชาวเมืองต้อนรับอะชิตะกะอย่างดีเนื่องจากเขาได้ช่วยเหลือชาวเมืองที่ได้รับบาดเจ็บไว้ เขาได้รู้จักกับ นายหญิงอิโบชิ (Eboshi) ผู้หญิงที่ฉลาดรอบรู้ในเรื่องการหลอมเหล็ก ทำอาวุธปืน ภายในเมืองโลหะนครอะชิตะกะยังพบเจอหญิงชาวเมืองที่ถูกกดขี่และแรงงานผู้ชายที่ต้องคอยทำตามคำสั่งนายหญิง นอกจากนี้เจ้าชายอะชิตะกะยังได้เจอกับ ซัน (San) เด็กหญิงหมาป่า ซึ่งเป็นมนุษย์ที่เติบโตขึ้นจากการเลี้ยงดูของเทพเจ้าหมาป่า เมื่อเกิดการต่อสู้กันระหว่างชาวโลหะนครและธรรมชาติ เด็กหญิงหมาป่าได้ช่วยเหลืออะชิตะกะเอาไว้ อะชิตะกะไม่สามารถห้ามทั้งสองฝ่ายได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายไหนโดยตรงแต่เขากลับได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างรุนแรง เมื่อทุกสิ่งพังทลาย วัฎจักรชีวิตที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ก็เวียนวายตายเกิดต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
การถ่ายทอดเรื่องราวที่ค่อนข้างซับซ้อนของความเป็นมนุษย์ที่มีต่อโลกใบนี้ ผ่านความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน รวมถึงการที่มนุษย์รุกรานธรรมชาติ ต้องการใช้ทรัพยากรจากป่า หรือแม้แต่การทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเองเพื่อแก้แค้น และเพื่อป้องกันตัวเอง เป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าที่คน ๆ หนึ่งจะรับมือได้ การถ่ายทอดเรื่องราวอันลึกซึ่งผ่านทุกตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนยกย่องให้หนังเรื่องนี้ให้เป็นอนิเมชันที่ยอดเยี่ยม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้คุณตระหนักถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังทำให้หลาย ๆ คนกลับมาถามตัวเองถึงความเกลียดชังที่มีต่อผู้อื่น ว่าเราทุกคนจะสามารถอยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้อย่างสงบสุขได้หรือไม่ หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเสียผลประโยชน์ไป
6.Ponyo on the Cliff by the Sea (2008)
โซะสุเกะ (Sōsuke) เด็กชายวัย 5 ขวบ อาศัยอยู่บ้านริมทะเล วันหนึ่งเขาได้ช่วยชีวิตปลาทองที่หน้าตาเหมือนคนไว้ จึงตั้งชื่อให้ว่าโปเนียว (Ponyo , ポニョ) ในขณะเดียวกัน ฟูจิโมโตะ (Fujimoto) พ่อของโปเนียวที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นมนุษย์ก็ได้ออกตามหาลูก เมื่อพาลูกกลับไปได้เขาได้จับโปเนียวลูกของเขาขังไว้ในฟองอากาศ ฟูจิโมโตะบอกกับลูกของเขาว่ามนุษย์อันตราย แต่โปเนียวชอบโซะสุเกะมากทำให้โปเนียวบอกกับพ่อว่า เธออยากจะเป็นมนุษย์ และด้วยพลังเวทมนตร์มหาศาลของเธอ ทำให้โปเนียวได้หลุดมาจากการกักขังในฟองอากาศของพ่อ และไปทำให้น้ำแห่งชีวิตของพ่อที่เก็บไว้หลุดรั่วไปในท้องทะเลจนหมดทำให้โลกมนุษย์เกิดน้ำท่วม เมืองมนุษย์จมอยู่ใต้น้ำ โปเนียวและโซะสุเกะจะต้องพบกับบททดสอบมากมาย อีกทั้งยังทำให้ดวงจันทร์ยังใกล้โลกเข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งทางเดียวที่จะทำให้โลกมนุษย์และโลกใต้น้ำแยกจากกันอีกครั้งก็คือ โปเนียวจะต้องอยู่บนโลกมนุษย์ถาวร หรือกลับไปอยู่โลกใต้ท้องทะเลกับพ่อของเขา
เรื่องราวระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมในท้องทะเลที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านละครเรื่องนี้ได้อย่างเข้าใจง่าย ให้มนุษย์ช่วยกันดูแลธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง มีเมตตาต่อสัตว์ชนิดอื่น เพื่อให้ธรรมชาติเหล่านี้มีความสมดุลและไปสู่คนรุ่นหลัง ความกล้าของเด็ก ๆ ก็ถูกสอนผ่านโปเนียวและโซะสุเกะที่ต้องผ่านบททดสอบมากมาย นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงบริบททางสังคมของคนญี่ปุ่นที่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างแข็งขันในยามที่มีภัยพิบัติ หรือแม้แต่การแบ่งปันสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอจะทำได้ ซึ่งถ่ายทอดผ่านอนิเมะเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
7.Spirited Away (2001)
เรื่องราวของจิฮิโระ โองิโนะ (Chihiro Ogino) เด็กหญิงวัยสิบปีที่กำลังเดินทางย้ายบ้านแต่ดันหลงเข้าไปในอีกมิติหนึ่งพร้อมครอบครัวโดยบังเอิญ พ่อกับแม่ของเธอดันไปกินอาหารแผงลอยที่เป็นของภูติทำให้กลายเป็นหมู แต่แล้วเธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากฮากุ (Haku) เด็กหนุ่มที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งเป็นมิติของภูติผีได้ช่วยเหลือเธอ และแนะนำให้เธอไปหายูบาบะ (Yubaba) แม่มดใจร้ายเจ้าของโรงอาบน้ำเพื่อของานทำจะได้ไม่ต้องถูกสาปให้กลายเป็นสัตว์ เธอได้ทำงานในโรงอาบน้ำพร้อมทั้งเจอเรื่องแปลกประหลาดมากมาย อาทิเช่น เด็กยักษ์ลูกของยูบาบะ ผีไร้หน้าที่คอยตามเธอไปทุกที่ นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของฝาแฝดของแม่มดยูบาบะ ที่ทำให้ทั้งโองิโนะและฮากุคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เธอจะพาพ่อแม่และตัวเธอเองกลับไปมิติเดิมได้หรือไม่มาลุ้นกัน
แม้ว่าจิฮิโระจะเจอกับการเปลี่ยนในชีวิตมากมาย ทั้งการก้าวข้ามผ่านความเป็นเด็กสู่วัยรุ่นด้วยการย้ายบ้านจากสถานที่ที่คุ้นเคยมา ได้ใช้ชีวิตในโลกแห่งการทำงานผ่านโลกของวิญญาณ ที่จะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนมากมาย เธอได้เรียนรู้ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ นอกจากนี้ภายในอนิเมะเรื่องนี้มีการแฝงความหมายโดยนัยถึงสังคมและอุตสาหกรรมทางเพศในญี่ปุ่นด้วย อย่างการที่จิฮิโระต้องทำงานในโรงอาบน้ำเพื่อใช้หนี้แทนพ่อกับแม่ที่เผลอไปกินอาหารของเหล่าภูติก็คล้ายกับการค้าประเวณีสมัยก่อนที่เมื่อพ่อกับแม่ไม่มีเงินใช้หนี้ก็จะส่งลูกสาวไปขายเพื่อทำงานใช้หนี้แทน รวมถึงการที่จิฮิโระได้ชื่อใหม่เมื่อเริ่มทำงาน ในญี่ปุ่นคนที่ค้าประเวณีจะต้องเปลี่ยนชื่อไปใช้ชื่อเล่น รวมถึงโรงอาบน้ำก็อาจหมายถึงซ่องได้อีกด้วย
8.Howl’s Moving Castle (2004)
เรื่องราวของ โซฟี (Sophie) ช่างทำหมวกอายุ 18 ปี ในขณะที่กำลังเดินทางไปเยี่ยมน้องสาว ทหารกำลังจะเข้ามาลวนลามเธอ ทำให้ ฮาวล์ (Howl) พ่อมดหนุ่มเข้ามาช่วยเหลือเธอ ด้วยเหตุนี้ทำให้แม่มดแห่งทุ่งร้าง (Witch of the Waste) ที่ชอบฮาวล์อยู่ไม่พอใจจึงได้สาปโซฟีให้กลายเป็นหญิงชราวัย 90 ปี เธอไม่กล้าบอกใครจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพื่อหาทางแก้คำสาปนี้ด้วยตัวเอง ระหว่างทางเธอได้เจอกับหุ่นไล่กาตัวหนึ่ง หุ่นตัวนี้ได้ตอบแทนเธอด้วยการพาเธอเข้าไปพักในปราสาทเคลื่อนที่ได้ของฮาวล์ ทำให้เธอได้เจอกับ มาร์เคิล (Markl) เด็กชายผู้ช่วยของฮาวล์ และ แคลซิเฟอร์ (Calcifer) ปีศาจไฟที่เป็นพลังในการขับเคลื่อนปราสาทแห่งนี้ให้มีชีวิต ในที่สุดโซฟีได้ทำงานเป็นแม่ครัวเป็นแม่บ้านที่ปราสาทแห่งนี้ วันหนึ่งฮาวล์ได้รับคำเชิญจาก มาดามซัลลิมาน (Madame Suliman) แม่มดประจำสำนักราชวังซึ่งเป็นอาจารย์ของฮาวล์ ให้ฮาวล์เข้าร่วมการรับใช้ชาติโดยใช้พลังอำนาจที่มีสนับสนุนกองทัพ ฮาวล์จึงขอให้โซฟีแกล้งเป็นแม่ของเขาเพื่อปฎิเสธการเข้าร่วมนี้ แต่สุดท้ายก็ถูกจับได้และทำให้เขามีศัตรูเพิ่มขึ้น ฮาวล์ได้แปลงร่างเป็นนกยักษ์เพื่อปกป้องโซฟีและปราสาท การกลายร่างเช่นนี้ทำให้ฮาวล์กลายร่างกลับร่างเดิมยากขึ้น แม้ว่าทั้งสองจะต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย แต่ด้วยความดีของโซฟี และความรักที่ทั้งคู่มีให้แก่กันทำให้เรื่องราวต่าง ๆ กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
ด้วยเรื่องราวสุดแฟนตาซีที่ได้เค้าโครงเรื่องมาจากวรรณกรรมเยาวชนในชื่อเดียวกันของไดอาน่า ไวนน์ โจนส์ ถ่ายทอดออกมาผ่านลายเส้นสไตล์จิบลิได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งตัวละครที่มีบุคลิกแปลก ๆ แต่น่าจดจำ ด้วยเนื้อเรื่องค่อนข้างซับซ้อน และมีเนื้อหาเชิงสัญลักษณ์ให้คนดูได้สังเกต อย่างการที่หน้าของนางเอกจะเปลี่ยนกลับมาสาวขึ้นเมื่อได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกของตนเองออกมา หรือแม้แต่จุดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น ควันรถไฟสีดำที่พาดผ่านหน้าต่างที่สื่อถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวละครในเรื่อง
9.The Secret World of Arrietty (2010)
เรื่องราวของอาริเอตี้ (Arrietty) มนุษย์ตัวจิ๋วที่เรียกกลุ่มตัวเองว่า ผู้หยิบยืม อาศัยอยู่ใต้พื้นบ้านที่โช (Shō) เด็กหนุ่มผู้เป็นโรคหัวใจอาศัยอยู่ และเนื่องจากโชต้องเตรียมผ่าตัดหัวใจ โชจึงย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านคุณยายที่มีแม่บ้านชราคนหนึ่งอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันในวันเกิดครบรอบ 14 ปีของอาริเอตี้พ่อของเธอจึงพาอาริเอตี้ไปเป็นนักหยิบยืมเป็นครั้งแรก เธอได้พบกับโช แต่เธอก็ยังไม่ไว้ใจเท่าไรนัก เนื่องจากผู้หยิบยืมมีความเชื่อว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตราย เด็กหนุ่มคนนี้คอยช่วยเหลืออาริเอตี้อยู่เสมอ ทำให้เธอค่อย ๆ เริ่มเปิดใจยอมรับในความดีของเขา แต่สิ่งสำคัญสำหรับผู้หยิบยืมคือ หากมีมนุษย์คนไหนรู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่นี่ เธอและครอบครัวจะต้องหาที่อยู่ใหม่ทันที ยิ่งไปกว่านั้นเธอจะต้องหนีหญิงชราในบ้านหลังที่คอยตามจับมนุษย์ตัวจิ๋วอีกด้วย มาเอาใจช่วยเหล่าผู้หยิบยืมให้รอดพ้นจากอันตรายกัน
เรื่องราวของนักหยิบยืบที่คนดูจะต้องยิ้มตามไปกับความน่ารักของบ้านหลังน้อยที่เกิดขึ้นจากการหยิบยืมสิ่งของที่เหล่าคนตัวใหญ่ไม่ต้องการ การอยู่อย่างพอเพียงที่เหล่าคนตัวจิ๋วหยิบยืมของจากคนตัวใหญ่เท่าที่จำเป็น รวมถึงความมีน้ำใจของโชเด็กหนุ่มผู้มีน้ำใจ และเป็นมิตรพร้อมแบ่งปันสิ่งของให้เพื่อนตัวเล็กด้วย แม้ว่าทั้งสองคนจะมีความแตกต่างกัน แต่โชก็ยังให้เกียรติเพื่อนตัวเล็กและคอยปกป้องอาริเอตี้และครอบครัวให้ปลอดภัยจากมนุษย์ใจร้ายบางคนอีกด้วย
10.The Tale of the Princess Kaguya (2013)
เรื่องราวของเจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ที่ถูกดัดแปลงมาจากตำนานเก่าแก่ของญี่ปุ่น เรื่องราวของชายชราผู้มีอาชีพตัดไม้ไผ่ขายไปเจอเด็กผู้หญิงอยู่ในกระบอกไม้ไผ่จึงนำมาให้ภรรยาร่วมกันเลี้ยงเป็นลูกและดูแลอย่างดี โดยตั้งชื่อให้ว่าคางุยะ ฮิเมะ (Kaguya Hime) เธอเป็นเด็กที่เติบโตเร็วกว่าเด็กวัยเดียวกัน ในขณะเดียวกันชีวิตของสามีภรรยาคู่นี้ก็มั่งคั่งขึ้นเรื่อย ๆ เงินทองข้าวของมากมายที่สามีภรรยาได้มาสามารถเลี้ยงดูฮิเมะให้เป็นเจ้าหญิง ทั้งคู่จึงตัดสินใจพาฮิเมะเข้าไปอาศัยอยู่ในเมือง หาครูมาสอนฮิเมะ และมีคนรับใช้คอยดูแลเป็นอย่างดี ด้วยความงามของฮิเมะเป็นที่เลื่องลือทำให้มีเจ้าชายมาขอหมั้นมากมาย แต่ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะใจเธอได้ (ยกเว้นแต่พี่ชายที่เป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็กของฮิเมะที่ฮิเมะยังคงคิดถึง) เธอทราบดีว่าคนที่เข้ามาหาเธอก็เพราะผลประโยชน์ในตัวเธอทั้งนั้น ด้วยไหวพริบของฮิเมะทำให้เธอเอาตัวรอดจากเหล่าชายหนุ่มได้บ้าง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องร้องขอต่อพระจันทร์ให้มาช่วยรับตัวเธอกลับไป แม้ว่าเธอจะเผลอขอร้องออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และเธอยังอยากอยู่บนโลกมนุษย์ สุดท้ายแล้วเธอต้องกลับไปยังที่ที่เธอจากมาหรือไม่ เธอจะได้พบกับพี่ชายในวัยเด็กที่ต้องจากกันโดยไม่ทันร่ำลาหรือเปล่าต้องมาลุ้นกัน
เมื่อได้ดูเรื่องนี้แล้วสิ่งหนึ่งที่อาจทำให้แฟน ๆ Ghibli ได้เรียนรู้ไปกับตัวละครก็คงหนีไม่พ้น สัจธรรมชีวิตที่มนุษย์ทุกคนต้องพบเจอไม่ว่าจะเป็นความสุขที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว การยึดติดอยู่กับอดีต โหยหาถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ความเจ็บปวดผิดหวัง และการจากลา เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องพบเจอ เมื่อใดที่คนบนพระจันทร์มารับฮิเมะกลับไป เธอจะได้ไม่ต้องพบเจอกับความทุกข์บนโลกมนุษย์อีก
11.When Marnie Was There (2014)
การนำเสนอของเรื่องราวสุดแฟนตาซีที่ดำเนินเรื่องด้วยการเล่าผ่าน อันนา (Anna) เด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นโรคหอบหืด เธออาศัยอยู่กับแม่บุญธรรมที่รักและเลี้ยงเธอเหมือนลูก และเนื่องจากเธอมีปัญหาด้านการเข้าสังคม ทำให้คุณหมอแนะนำแม่เลี้ยงของเธอว่าให้เธอเปลี่ยนบรรยากาศไปใช้ชีวิตช่วงฤดูร้อนที่ต่างจังหวัด ในระหว่างนั้นเธอได้เริ่มต้นการเข้าสังคมใหม่ ๆ การที่เธอได้เจอกับมาร์นี (Marnie) เด็กหญิงบ้านริมบึงที่วัยไล่ ๆ กันเธอ และด้วยความสัมพันธ์ของทั้งสอง ที่อันนามักแสดงออกมาว่าหวงมาร์นี เพราะมาร์นีเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอ รวมถึงมาร์นีก็คอยดูแลอันนาเป็นอย่างดี จนอาจทำให้คนดูเข้าใจว่านี่เป็นหนังแนวยูริ หรือหนังแนวหญิงรักหญิง ซึ่งการที่ทั้งสองรู้สึกผูกพันกันเป็นพิเศษขนาดนี้จะถูกคลายปมออกในท้ายเรื่องค่ะ
ด้วยการตีความที่ซับซ้อนจากเรื่องราวระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสอง เป็นการขมวดปมที่ทำให้คนดูคิดตามได้ตลอดทั้งเรื่องว่าแท้จริงแล้วมาร์นีเป็นใคร เป็นเพียงแค่เพื่อนในจินตนาการของเธอ เป็นจิตใต้สำนึก เป็นวิญญาณที่มาเข้าฝัน เป็นผี เป็นมากกว่าเพื่อน หรืออะไรก็ตามแต่ที่คนดูจะจินตนาการ แต่ไม่ว่ามาร์นีจะเป็นใคร ด้วยช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของตัวละครหลักทั้งสอง ที่ต้องการความรักความเอาใจใส่จากคนในครอบครัว ทั้งอันนาและมาร์นีต่างก็ต้องการคนที่รักเขา ทั้งสองจึงเป็นเหมือนเพื่อนเพียงคนเดียวคนที่คอยเก็บความลับซึ่งกันและกัน นี่ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทั้งสองรู้สึกผูกผันกันเป็นพิเศษ การที่อันนาเปลี่ยนบรรยากาศมาใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดทำให้เธอได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น ได้สนุกไปกับเพื่อนในวัยไล่เลี่ยกัน และเข้าใจความรักที่แม่บุญธรรมที่มีต่อเธอมากขึ้น
ด้วยตัวละครจาก Studio Ghibli ที่มักจะมีตัวละครนำเป็นผู้หญิงธรรมดา แต่มีสามารถและความกล้าหาญที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ที่หากใครได้ดูก็ต้องชื่นชมตัวละครนำหญิงในเรื่องว่า ผู้หญิงก็มีความสามารถหลายอย่างไม่แพ้ผู้ชายเลย ในขณะเดียวกันตัวละครนำทั้งหญิงและชายจากค่ายนี้ยังคอยสนับสนุนและช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้นำและผู้ตาม ด้วยตัวละครหลักของค่ายนี้มีมิติความเป็นมนุษย์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม มีทั้งสุข เศร้า สมหวัง ผิดหวัง ทำให้คนดูได้เรียนรู้ตัวละครผ่านจินตนาการและเรื่องราวการผจญภัยที่ตัวละครในแต่ละเรื่องต้องเจอ โดยไม่จำเป็นต้องมีตอนจบที่ลงเอยด้วยการแต่งงานกับใครสักคนเสมอไป ทำให้อนิเมชันจาก Studio Ghibli กลายเป็นที่ชื่นชอบ และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี
I like to stay at home, writing random stuff and watching series. I enjoy learning new things and exploring new ideas.